รีวิวThe Flash เหล่าสาวกของแฟน ๆ ค่ายหนังฮีโร่ของ DC มารวมกันตรงนี้เพราะว่า เรื่องนี้ถือเป็นการกลับมาของฮีโร่ผู้ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกหลังจากที่เรื่องราวของเขาห่างหายไปนานมาก ๆ

และที่สำคัญภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ตัวละครอย่างแบร์รี่ อัลเลน กลับมามีบทบาทโดดเด่นอีกครั้ง เรามาดูกันว่าเรื่องราวของในเรื่องนี้จะออกมาสนุก สุดเหวี่ยงแค่ไหน สามารถเข้ารับชมหนังฟรีได้เลยที่ ดูหนังใหม่ล่าสุด

รีวิวThe Flash หนังฮีโร่ แอ็คชั่น รีเซตภาพยนตร์จักรวาล DC ใหม่อีกครั้ง

รีวิวThe Flash หนังฮีโร่ แอ็คชั่น รีเซตภาพยนตร์จักรวาล DC ใหม่อีกครั้ง

รีวิวThe Flash ผลงานของ Andy Muschietti

ซึ่งเรื่องนี้ เดอะแฟลช ก็จะพาเราดำดิ่งสู่โลกอันน่าตื่นเต้นของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ กำกับการแสดงโดย Andy Muschietti ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ตัวละครอย่างแบร์รี่ อัลเลน กลับมามีบทบาทโดดเด่นอีกครั้งหลังจากที่ Justice League The Snyder’s Cut จบไป

พอมารอบนี้อาจจะทำให้เราได้ตื่นตาตื่นใจไปกับฉากสวยๆ และนักแสดงรับเชิญที่หลายคนคิดถึง รวมทั้งจะเป็นภาพยนตร์ภาคที่จะมารีบูทจักรวาล DC ใหม่ ที่ทาง DC น่าจะวนอยู่แค่นี้แหละ มันเป็นอาถรรพ์ แต่ยังไงแล้วก็ต้องลองติดตามดูกันต่อไปว่าเนื้อเรื่องของทางจักรวาลนี้เขาจะเป็นอย่างไรต่อไป

แต่ก่อนอื่นฉันขอแวะมาพูดถึงผู้กำกับคนเก่งของเรา andy muschietti เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2516 เป็นผู้สร้างภาพยนตร์ชาวอาร์เจนตินาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากภาพยนตร์เรื่อง Mama ในปี 2013 ที่เขาสร้างร่วมกับ Neil Cross

และพี่สาว ผู้ผลิตและผู้เขียนบท Barbara Muschietti ซึ่งสร้างจากภาพยนตร์ความยาว 3 นาทีที่มีชื่อเดียวกัน ภาพยนตร์ขนาดสั้นที่เขาสร้างขึ้นเมื่ออายุ 35 ปี ได้รับความสนใจจากกิลเลอร์โม เดล โทโร ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างบริหารในการดัดแปลงภาพยนตร์เรื่องนี้ ถ้าหากท่านชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถคิดคามการรีวิวของเราได้เลยที่ รีวิวหนัง

รีวิวThe Flash ผลงานของ Andy Muschietti

เขาได้รับการยอมรับเพิ่มเติมจากการกำกับภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องในซีรีส์เรื่อง It โดยเรื่องแรกคือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายของสตีเฟน คิงเรื่อง It ในปี 2017

ซึ่งกลายเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล และเรื่องที่สองคือ It Chapter Two ในปี 2019 ทั้งสองเรื่องนี้จัดจำหน่ายโดย Warner Bros. Pictures และผลิตโดย New Line Cinema

ในปี 2023 Muschietti กำกับภาพยนตร์เรื่อง The Flash ผู้กำกับ ของ Warner Bros. นำแสดงโดย Ezra Miller ซึ่งมีฉากอยู่ใน DC Extended Universe เขาถูกกำหนดให้กำกับภาพยนตร์แอคชั่นที่ดัดแปลงจาก Attack on Titan ให้กับ Warner Bros. ด้วย

ได้รีเมคจาก The Howling สำหรับ Netflix และ The Brave and the Bold ซึ่งเป็นการรีบูตของซีรีส์ภาพยนตร์แบทแมนในแฟรนไชส์ DC Universe และMuschietti เกิดและเติบโตในเมือง Vicente López บัวโนสไอเรส

และมีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ Barbara Muschietti ทั้งเขาและน้องสาวเรียนที่ Fundación Universidad del Cine เขาทำงานเป็นศิลปินกระดานเรื่องราวในช่วงปีแรก ๆ ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ด้วย

เรื่องย่อของเรื่องนี้

ซึ่งเรื่องราวของเรื่องนี้ The Flash เรื่องย่อ ก็ประมาณว่า ติดตามการเดินทางของแบร์รี อัลเลน ซึ่งแสดงโดย Ezra Miller นักนิติวิทยาศาสตร์ผู้ซึ่ง ได้รับความเร็วเหนือมนุษย์อย่างไม่น่าเชื่อหลังจากเกิดอุบัติเหตุประหลาดในห้องทดลองของเขา

เมื่อแบร์รี่รวบรวมพลังที่เพิ่งค้นพบ เขากลายเป็นชายที่เร็วที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ สามารถแทรกแทรงเวลา และจักรวาลได้ อย่างไรก็ตาม โลกของเขากลับตาลปัตรเมื่อเขาค้นพบแผนชั่วร้ายโดยวายร้ายลึกลับที่จะเปลี่ยนแปลงไทม์ไลน์ ใบ้ให้อ่ะน่ะ วายร้ายก็คือตัวมันเองนี่แหละ และเขียนประวัติศาสตร์ใหม่

ซึ่งทางแบร์รี่พาเราไปผจญภัยกับเวลาเพื่อช่วยคนที่เขารักจนทำให้หลายอย่างเกิดความผิดพลาด โดยในระหว่างทางเขาได้พบกับตัวละครอันโด่งดังจากจักรวาล DC ในยุคก่อน เช่น Batman ที่นำแสดงโดย Michael Keaton

ที่ซึ่งตอนนี้ผมสลัดภาพจำของบท Ray Kroc จากเรื่อง The Founder 2016 ไม่ลงไปแล้ว การเล่าเรื่องจะสำรวจธีมของการค้นพบตนเอง การเสียสละ และผลที่ตามมาจากการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความต่อเนื่องของกาลอวกาศ ได้ทั้งหมดนี้ทำให้เราได้หนังรีบูทที่กำลังจะตามมาอีกหลายๆ เรื่อง ฮ่าๆ

พอเมื่อพูดถึงเอฟเฟ็กต์ภาพในเรื่องนี้ก็ ตั้งแต่วินาทีที่แบร์รี่สวมสูทสีแดง และสัญลักษณ์สายฟ้า ภาพวิชวลที่น่าทึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ

เรื่องย่อของเรื่องนี้

ได้มีการผสมผสานอย่างลงตัวของเอฟเฟกต์ที่ใช้งานได้จริง CGI และการถ่ายภาพยนตร์สร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดสายตามากๆ สำหรับผมแล้วเป็นอะไรที่สวยงาม

หนัง เดอะแฟลช 2023 สนุกมั้ย เล่าเรื่องราวของ แบร์รี อัลเลน ที่เป็นพนักงานธรรมดาๆ ที่มีอีกตัวตนหนึ่งในนาม เดอะแฟลช หนึ่งในซุปเปอร์ฮีโร่ที่ทำหน้าที่ปกป้องโลก แต่เบื้องหลังแล้วเขากำลังเผชิญกับความเศร้า เพราะพ่อของแบร์รีเป็นแพะรับบาป

ก็ได้ถูกตัดสินให้จำคุกในข้อหาฆาตกรรมภรรยา ซึ่งก็คือแม่ของเขานั่นเอง ทั้งคู่รู้ว่านี่คือเรื่องของความไม่ยุติธรรมที่ครอบครัวได้รับ แม้จะพยายามทำทุกหนทางเพื่อให้พ่อเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเขา

จนกระทั่งวันหนึ่งแบร์รีค้นว่าตัวเองมีพลังพิเศษของเขา นั่นก็คือ สปีดฟอร์ซ ซึ่งทำให้ใช้พลังความเร็วเหนือแสงย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ แบร์รีจึงพยายามที่กลับไปช่วยชีวิตแม่ของตัวเอง จนย้อนกลับไปพบกับตัวเองในวัย 18 อีกครั้ง จึงกลายเป็นต้นเหตุเรื่องวุ่นๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบจากสิ่งที่เขาพยายามจะแก้ไขอดีตนั่นเอง

ใครเป็นเดอะแฟลช

ซึ่งคำถามยอดฮืตเลยก็คือใครเป็นเดอะแฟลช นั้นก็คือ เอซรา มิลเลอร์ ขอเล่าถึงความเป็นมาของนักแสดงนืดนึงนะ เกิด 30 กันยายน พ.ศ. 2535 เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน ภาพยนตร์เรื่องแรกของพวกเขา

ได้เปิดตัวใน Afterschool ในปี 2008 ซึ่งตามมาด้วยการแสดงในละครเรื่อง We Need to Talk About Kevin ในปี 2011 และ The Perks of Being a Wallflower ในปี 2012

หลังจากรับบทสมทบในภาพยนตร์ The Flash ตัวละคร คอมเมดี้เรื่อง Trainwreck ในปี 2015 มิลเลอร์รับบทเป็นครีเดนซ์ แบร์โบนในภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่อง Fantastic Beasts and Where to Find Them ในปี 2016 และ Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald ในปี 2018

และ Fantastic Beasts The Secrets of Dumbledore ในปี 2022 และ ในปี 2020 พวกเขามีบทบาทซ้ำๆ ในมินิซีรีส์เรื่อง The Stand มิลเลอร์เล่นเดอะแฟลชใน DC Extended Universe รวมถึงในภาพยนตร์เรื่อง Justice League ในปี 2017 และเรื่องนี้

ใครเป็นเดอะแฟลช

ชีวิตนอกจอของมิลเลอร์เต็มไปด้วยความขัดแย้งและปัญหาทางกฎหมายมากมาย ตั้งแต่ปี 2022 พวกเขาถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกาย ลักทรัพย์ ทำตัวไร้ระเบียบ คุกคาม และเลี้ยงดูผู้เยาว์ ส่งผลให้มีการจับกุม อ้าง และออกคำสั่งห้ามเผยแพร่อย่างกว้างขวางหลายครั้ง

เขาเกิดที่ Wyckoff รัฐนิวเจอร์ซีย์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2535 พวกเขามีพี่สาวสองคนชื่อ Saiya และ Caitlin แม่ของพวกเขา มาร์ทา มิลเลอร์ เป็นนักเต้นสมัยใหม่ Robert S. Miller พ่อของพวกเขาเป็นรองประธานอาวุโส

เดอะแฟลช 2023 มีเอนเครดิตไหม และกรรมการผู้จัดการของ Hyperion Books และต่อมาได้กลายเป็นผู้จัดพิมพ์ที่ Workman Publishing พ่อของมิลเลอร์เป็นชาวยิว แม่ของพวกเขามีเชื้อสายดัตช์และเยอรมัน มิลเลอร์ระบุว่าเป็นชาวยิวและ มีจิตวิญญาณ ตอนอายุหกขวบ พวกเขาเริ่มฝึกเป็นนักร้องโอเปร่าเพื่อเอาชนะอุปสรรคในการพูด พูดติดอ่าง

พวกเขาเคยร้องเพลงร่วมกับ Metropolitan Opera และแสดงในรอบปฐมทัศน์ของอเมริกาเรื่อง White Raven ของ Philip Glass มิลเลอร์เข้าเรียนที่ Rockland Country Day School และ The Hudson School โดยเลิกเรียนเมื่ออายุ 16 ปีหลังจากภาพยนตร์เรื่อง Afterschool ออกฉาย

คาแรกเตอร์เฉพาะตัวของฮีโร่

ในสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ The Flash นักแสดง เวอร์ชันปี 2023 นำแสดงโดย เอซรา มิลเลอร์ ได้สร้างภาพจำให้ตัวละครเอกด้วยคาแรกเตอร์เฉพาะตัว เมื่อเด็กหนุ่มท่าทางไฮเปอร์ต้องมารับบทฮีโร่พิทักษ์โลก แถมมีพลังสปีดความเร็วเหนือแสงในการทำภารกิจต่าง ๆ ก็ยิ่งสร้างความน่าสนใจว่าบทบาทที่ท้าทายนี้ เอซราจะทำออกมาได้ดีมากน้อยแค่ไหน

ทางด้านผู้กำกับ Andy Muschietti ได้หยิบจับคาแรกเตอร์และตัวตนจริงๆ ของนักแสดงเอซรามาผสมกับตัวละครฮีโร่ตามฉบับคอมมิกส ช่วงพาร์ตแรกๆ ของหนังอาจค่อนข้างน่าเบื่อ ดำเนินเรื่องยุ่งเหยิง

โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เป็นคอหนัง DC หรือผู้ที่ไม่ได้ติดตามเรื่องราวของเรื่องนี้ มาก่อน อาจจะงงๆ หรือสับสนกับพลังและทฤษฎีต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์

ทว่าตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเรื่องนี้ กลับดำเนินเรื่องอย่างน่าสนใจ สอดแทรกมุกตลกฮาๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าเอซร่าคือนักแสดงเจ้าบทบาทที่สามารถพลิกคาแรกเตอร์ และทำให้ผู้ชมอินไปกับเรื่องราวของเรื่องนี้ ได้มากยิ่งขึ้น

คาแรกเตอร์เฉพาะตัวของฮีโร่

ไม่ว่าจะเป็นซีนดราม่าปูมหลังของครอบครัว ซีนซึ้งๆ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวตนของเขาทั้ง 2 ช่วงวัย รวมไปถึงซีนของการประชันบทบาทกับดารารุ่นใหม่

นอกจากนี้ อาจกล่าวได้ว่าเรื่องนี้ the flash 2023 end credits เวอร์ชันภาพยนตร์ปี 2023 คือการนำผู้ชมกลับไปสัมผัสประวัติศาสตร์ของตัวละครฮีโร่ DC ที่ทุกคนรัก การโคจรมาพบกันของนักแสดงแบทแมนรุ่นใหญ่ 2 ยุคอย่าง เบน แอฟเฟล็ก และ ไมเคิล คีตัน กลายเป็นฉากจดจำและเรียกรอยยิ้มจากผู้ชมได้อย่างแน่นอน

ส่วนอีกหนึ่งตัวละครใหม่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ซูเปอร์เกิร์ล ซึ่งรับบทซาชา แคลล์ เล่าเรื่องราวอีกมัลติเวิร์สของบรรดาซุปเปอร์ฮีโร่ที่ต่างต่อสู้กับเหล่าวายร้ายเพื่อปกป้องโลก จริง ๆ

แต่ก็แอบเสียดายที่การปรากฏตัวของเธออาจไม่โดดเด่นสักเท่าไร เพราะโดนกลบด้วยบทบาทแบทแมนรุ่นเก๋า แต่เมื่อดูไปเรื่อยๆ จะพบว่าเธอกลายเป็นนักแสดงที่มีเสน่ห์และน่าติดตามไม่น้อย

รีวิวThe Flash สนุกหรือไม่

ต้องยอมรับว่าเนื้อในของหนังเรื่องนี้โดยรวมนั้นสนุกกว่าที่คิด โดยเฉพาะการนำหลายตัวละครที่แฟนๆ คิดถึงมามัดรวมกันในเรื่องเดียว รวมไปถึงฝีมือการแสดงของเอซรา มิลเลอร์ ผู้รับบท The Flash สปอย ก็ทำให้แฟนๆ อินตามได้ไม่ยาก ความสนุก ดราม่า และซึ้ง ต้องไปติดตามกันต่อในโรงภาพยนตร์

ในส่วนของฉากแอ็กชั่นสนุกมันส์ ๆ ในแบบ DC เริ่มตั้งแต่ช่วงฉากแรกที่หนังโหมกระน่ำแอ็กชั่นของแบทเบทคู่กับแฟลชในภารกิจที่แยกกันทำ แต่นำเสนอไปพร้อมกัน ทางด้านแบทเบนนั่นคือการนำฉากแอ็กชั่นเรียล ๆ ที่หวนให้นึกถึงสไตล์งานของโนแลน

เชื่อว่าสักวันแบทแมนแบบนี้ก็จะกลับมาได้อีก ส่วนอีกด้านคือการนำเสนอพลังของแฟลชในแบบที่เว่อร์สุดๆ ตามสไตล์ของตัวละครนี้ ท่าวิ่งที่เป็นเอกลักษณ์แบบของเอซร่า ที่คนมองว่าตลก ๆ

แต่มันกลับดูแล้วเข้ากันมากกับบุคคลิกติดตลกมีโจ๊กไม่หยุดของแฟลชคนนี้ ที่ยิงมุกตลกได้แทบทั้งเรื่องและใช้ถูกที่ถูกเวลาด้วย หลังจากนั้นแล้วก็ยังมีฉากแอ็กชั่นมันส์ๆ ต่อเนื่องกันมาทั้งเรื่อง แม้แต่แบทแมนของคีตันที่แก่แล้วก็ยังมีฉากบู๊ถึงพริกถึงขิง

รีวิวThe Flash สนุกหรือไม่

ในระดับที่ฟัดกับลูกน้องของนายพลซ็อดได้ ไม่ใช่แบทแมนที่เน้นหนีแบบที่ผ่านๆ มา รวมถึงฉากแอ็กชั่นแบบ Man of Steel ที่ทุกคนโหยหามาตลอดก็มีครบในเรื่องนี้จากตัวละครซูเปอร์เกิร์ลที่ ซาช่า แคลล์ เล่นได้ดีมาก ๆ ซึ่งนี่แทบจะเป็นหนังที่หาทางขายฉากแอ็กชั่นแบบ DC ได้เต็มอิ่มที่สุดในช่วงหลังนี้เลย

ที่มากกว่าแบล็คอดัม ทำได้ดีกว่ามากด้วย ถ้าให้คะแนนฉากแอ็กชั่นก็เกือบเต็ม 10 มีตินิดเดียวก็คือการต่อสู้ช่วงสุดท้ายถูกตัดจบแบบห้วนๆ ไปหน่อย ไม่ใช่การต่อสู้แบบตัดสินขั้นเด็ดขาดแบบหนังตัวละครเดี่ยวที่มีเรื่องราวกับบอสตัวร้ายของตัวเอง

แต่เป็นการยืมตัวร้ายของ Man of Steel มา แล้วเพิ่มส่วนของตัวเองเข้าไปนิดหน่อยเท่านั้น ทำให้ไม่สุด แต่ก็เข้าใจได้เพราะนี่เป็นเรื่องราวของแฟลช ไม่ใช่เรื่องของซูเปอร์เกิร์ลหรือแบทแมนที่เข้ามาแจมเท่านั้นแหละ

และยังมีอีกส่วนที่คาดหวังคือการเล่าเรื่องราวดีๆ โดยเฉพาะประเด็นของแฟลชพ้อยท์ที่เกี่ยวกับเวลา ซึ่งก่อนดูคิดว่าคงเป็นแนวบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟ็กต์ นั่นคือการไปแก้อดีตทำให้อนาคตเปลี่ยน แต่เรื่องนี้ the flash 2023 pantip กลับนำเสนอการเล่นกับเวลาที่ต่างออกไปตั้งแต่ต้นจนจบ

เป็นการเล่นกับอดีต อนาคตและมัลติเวิร์สไปพร้อมกัน การเปลี่ยนแปลงอดีตกลับทำให้อดีตก่อนหน้านั้นเปลี่ยนไปได้ ซึ่งในเรื่องอธิบายส่วนนี้ไว้ให้เข้าใจง่าย และนำปมเรื่องคดีของพ่อกับการตายของแม่แฟลชมาใช้ร่วมกับเหตุการณ์ที่แบทแมนก็สูญเสียพ่อแม่ไปเช่นกัน

หนังสามารถเล่าเรื่องความเจ็บปวดในจิตใจของตัวละครได้เป็นอย่างดี การแสดงของเอซร่าก็เข้าถึงจิตใจตัวละครมาก ยิ่งตอนท้ายที่เคลียร์ปมทั้งเรื่องแม่กับพ่อต่อเนื่องกัน หนังสามารถหาทางออกและจบมันในแบบที่สวยงามได้จริง ๆ เอาว่าใครอินหน่อยก็มีน้ำซึมแน่นอน

การส่งท้ายตัวละครหลักของ DCEU ทั้งหมด

และในส่วนที่เกินหวังคือการได้เห็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น เชื่อว่าแฟน DC ทุกคนก็คงหวังอยากหนังเรื่องนี้เป็นการส่งท้ายตัวละครหลักของ DCEU ทั้งหมด ซึ่งบอกเลยว่าคุณได้ตามแน่

แม้บางคนจะไม่ได้มาเต็มตัวก็ตาม แต่ก็มีตัวละครที่มาเซอร์ไพรส์มากมายที่ขนมาจากจักรวาลเก่าๆ ของ DC และคนที่ไม่คาดคิดว่าจะมาได้ก็ยังโผล่มา

แม้จะเป็นเพียงแค่ข่าวลือในอดีตนานมาแล้วก็ตาม แต่หนังเรื่องนี้เอามาทำให้เกิดขึ้นเป็นจริงเป็นจังและก็ดูดีเสียด้วยสิ ซึ่งตรงนี้ต้องเป็นแฟน DC มาจริงๆ ถึงจะเก็ทกับเรื่องพวกนี้ นอกจากนี้ยังมี Easter Egg เรี่ยราดตามรายทางมากมายที่ใครทันก็จะสนุกมากยิ่งขึ้นไปอีก

แต่เรื่องนี้ the flash 2023 สนุกไหม ก็ยังมีส่วนที่ผิดหวังก็คือ เรื่องราวยังดูเป็นแฟน DC มากจริง ๆ นี่เป็นหนังที่ผู้ชมทั่วไปอาจจะเข้าไม่ถึงได้ทั้งหมด เพราะเน้นแฟนเซอร์วิสมากเป็นพิเศษกว่าเรื่องไหนๆ ที่ DC เคยทำมา

ซึ่งตรงนี้จะมีผลกับฟีดแบ็คของผู้ชมที่ไม่ใช่แฟนออกไป ส่งผลให้รายได้ของหนังเรื่องนี้ก็อาจจะไม่ปังอย่างที่หวัง แล้วทำให้ตัวละครที่อุตส่าห์แจ้งเกิดใหม่ในเรื่องอาจจะไม่ได้ไปต่อเอาง่ายๆ อย่าง ซูเปอร์เกิร์ล ที่ซาช่าเล่นไว้อย่างดีมากจนน่าเสียดายถ้าจะจบลงเพียงแค่นี้

การส่งท้ายตัวละครหลักของ DCEU ทั้งหมด

นอกจากนี้ส่วนที่ผิดหวังเล็กๆ ก็คือเอนด์เครดิตที่ไม่ได้ให้ความหวังว่าจะสานต่อเรื่องราวของแฟลชเอซร่าหรือเผยให้เห็นอนาคตของ DC ในมือเจมส์ กันน์ ต่อไปเลยแม้แต่น้อย แม้เนื้อเรื่องตอนจบจะเผยให้เห็นว่าสามารถทำต่อได้อีกก็ตาม

การแสดงภาพความเร็วเหนือชั้นของ Barry นั้นทำได้น่าทึ่ง ทีมผู้สร้างจับสาระสำคัญของการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วปานสายฟ้าอย่างชำนาญ นำเสนอฉากแอคชั่นที่น่าตื่นเต้น

ไม่ว่าจะเป็นการที่ Barry หลบระเบิดหรือมีส่วนร่วมในการต่อสู้ความเร็วสูง เอฟเฟกต์พิเศษจะทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างราบรื่นเพื่อสร้างความรู้สึกรวดเร็ว และน่าดึงดูด

โดยสรุปแล้วเรื่องนี้ the flash 2023 คือภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ตอบสนองในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านอารมณ์ที่มีจากตัวละคร นอกจากนี้โครงเรื่องที่น่าตื่นเต้น

และวิชวลเอฟเฟ็กต์ที่ทำให้เราต้องว้าว ไปจนถึงการแสดงที่โดดเด่น และการกำกับที่เชี่ยวชาญ ภาคนี้ถือเป็นอีกภาคที่ต้องดูสำหรับแฟน ๆ DC ไม่ควรพลาดเด็ดขาดเลย