รีวิวอินเดียน่า โจนส์ สายชอบดูหนังแนวการผจญภัยแฟนตาซี ต้องชอบแน่นอน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานนักล่าสมบัติ พวกเขาได้รับภารกิจให้ไปหาล่ากงล้อแห่งโชคชะตา เป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างมากสามารถเปลี่ยนประวัติศาสตร์โลกได้เลย
แค่เรื่องราวคร่าว ๆ ของเรื่องนี้ก็ทำเอาตื่นเต้น รู้สึกอยากที่จะดูมาก ๆ พอยิ่งไปดูตัวอย่างยิ่งน่าสนุกมากไปอีก ไปดูกันว่าเรื่องราวของเรื่องนี้จะสนุกสนาน ลุ้นมากแค่ไหน สามารถเข้ามารับชมหนังดี ๆ สนุก ๆ ได้เลยที่ ดูหนังใหม่ ภาพคมชัด ไม่มีโฆษณา
รีวิวอินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อ หนัง การผจญภัยครั้งใหม่ กับนักล่าสมบัติ
รีวิวอินเดียน่า โจนส์ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์
ภาพยนตร์ Indiana Jones ที่มีเรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ไปกับตำนานนักล่าสมบัติ กับภารกิจสำคัญตามล่ากงล้อแห่งโชคชะตา สิ่งที่มีพลังอำนาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์โลก ภาพยนตร์แอ็กชันผจญภัยจัดเต็มทุกกระบวนท่า
ก็ถือได้ว่าสมกับการกลับมาของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งยุค ที่ครองหัวใจแฟน ๆ มานานกว่า 4 ทศวรรษ ซึ่งเหล่านักวิจารณ์ต่างยกให้เป็น ตำนานภาพยนตร์แอ็กชัน
โดยในเรื่องนี้ยังได้นักแสดงมากความสามารถ แฮริสัน ฟอร์ด ที่กลับมาสวมบทนักโบราณคดีฮีโร่ผู้เป็นตำนานอีกครั้ง พิสูจน์ความสนุก แอ็กชันครบรส แบบจัดเต็ม ด้วยตัวคุณเองได้แล้ววันนี้ แม้ยังไม่เคยดูในภาคก่อนหน้าก็ตาม ถ้าท่านรู้สึกชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวเรื่องอื่น ๆ ได้เลยที่ รีวิวหนัง
ฉั้นขอพูดถึงความเป็นมาของนักแสดงมากความสามารถคนนี้สักหน่อยนะ เขาเกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 1942 เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน และ โปรดิวเซอร์ และผู้กำกับภาพยนตร์
เป็นที่รู้จักในบท อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อแห่งโชคชะตา สนุกไหม จากหนังผจญภัย อินเดียนาโจนส์ ทั้งสี่ภาคและ ฮาน โซโล จากหนังแนวไซไฟเรื่อง สตาร์ วอร์ส จนทำให้เขามีชื่อเสียงจนกลายเป็นที่รู้จักในบทของเขา
แฮร์ริสัน ฟอร์ด เกิดที่ชิคาโก อิลลินอย แม่ชื่อ โดโรธี เป็นแม่บ้าน และอดีตดาราวิทยุ ส่วนพ่อคริสโตเฟอร์ ทำงานวงการโฆษณา และดาราเก่า ฟอร์ดได้ทำงานเกี่ยวกับลูกเสือ เขาได้ยศสูงสุดลำดับสอง Life Scout
อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อแห่งโชคชะตา และยังเคยทำงานเป็นที่ปรึกษาที่ค่ายลูกเสือด้วย เขาจบมัธยมปลายที่ Meneast High School ส่วนระดับวิทยาลัย เขาเรียนไม่จบ ฟอร์ดเข้าเรียนที่ Ripon College ซึ่งเขาลงเรียนวิชาการแสดงด้วย
ฟอร์ด เดินทางมาแอลเอ เมื่ออายุได้ 22 ปี ในปี 1964 เพื่อหางานวิทยุทำ แต่ก็ได้ไปทำงานเป็นตัวประกอบที่ โคลัมเบีย พิคเจอร์ส รับเงินอาทิตย์ละ 150 ดอลลาร์ และ Dead Heat on a Merry Go Round ในปี 1966 เป็นหนังเรื่องแรกที่เขามีบทพูด
แต่หนังช่วงนี้เขายังไม่มีเครดิตชื่อ จนในเรื่อง A Time For Killing ในปี 1967 เขาถึงมีชื่อ แฮร์ริสัน เจ.ฟอร์ด แต่ตัว เจ ไม่มีความหมาย เพราะเขาไม่มีชื่อกลาง ใส่เพื่อกันสับสนกับดาราเงียบคนหนึ่ง
แฮริสัน ฟอร์ด นักแสดงผู้เป็นตำนานฉากแอ็คชั่นสุดเหวี่ยง
เขารับบทเป็นตัวประกอบที่ ยูนิเวอร์แซล เน้นที่ทีวีซีรีส์ แต่สุดท้ายเขากลับไปเป็นช่างทาสี หาเงินให้ภรรยาและลูกชาย 2 คน นอกจากนี้ยังทำงานดูแลเวทีให้วงร็อกอย่าง The Doors ด้วย
Indiana Jones and the Dial of Destiny จนเมื่อเขายังคงทำอาชีพทาสี ช่างฝีมือ ได้รับการว่าจ้างจาก จอร์จ ลูคัส ให้มาสร้างตู้ใส่ และเขาก็ได้เป็นตัวประกอบใน หนังเรื่อง American Graffiti ในปี 1973 รวมถึงงานแสดงในหนังของ ฟรานซิส ฟอร์ด ค็อปโปล่า อย่าง The Conversation ในปี 1974 และ Apocalypse Now ในปี 1979
ต่อมา ลูคัส ให้ฟอร์ดช่วยอ่านบทของดาราที่แคสต์มาเล่น ในหนังเรื่อง Star Wars ซึ่งตอนนั้นเอง สตีเว่น สปีลเบิร์ก เห็นแวว และแนะนำให้ลูคัสดึงฟอร์ดมารับบท ฮัน โซโล และเขาก็ได้แสดงในสองภาค ต่อมา The Empire Strikes Back
และ Return of the Jedi รวมถึงภาคพิเศษเวอร์ชันทีวีความยาว 2 ชั่วโมง The Star Wars Holiday Special โดยฟอร์ดขอให้ลูคัสเขียนบท โซโล ให้ตายในภาค Return of the Jedi แต่ลูคัสไม่เอา
ต่อมา สปีลเบิรืกได้ให้ฟอร์ดแสดงในหนังแอ็กชัน กับบท อินเดียน่า โจนส์ ใน Raiders of the Lost Ark ในปี 1981และ Indiana Jones and the Temple of Doom ในปี 1984 และ Indiana Jones and the Last Crusade ในปี 1989 ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงเขาอย่างมาก
Indiana Jones 5 เขายังมีผลงานอีกหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Witness ในปี 1985 ของผู้กำกับฯ ปีเตอร์ เวียร์ ที่ทำให้ฟอร์ดมีชื่อชิงรางวัลออสการ์สาขาดารานำชาย ขณะที่ Frantic หนังทริลเลอร์ปี 1988 ของ โรมัน โปลันสกี้ ก็ได้รับเสียงชื่นชม
และ งานไซ ไฟคลาสสิก Blade Runner ของผู้กำกับฯ ริดลี่ย์ สกอตต์ และเขาแสดงใน หนัง อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อ pantip ทริลเลอร์ที่ดัดแปลงจากนิยายขายดีของ ทอม แคลนซี่ย์ Patriot Games และ Clear and Present Danger และยังมีผลงานอย่าง The Fugitive ในปี 1993
และ The Devil’s Own ในปี 1997 และ Air Force One ในปี 1997 ที่กวาดรายได้กว่า 315 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก และSix Days Seven Nights ในปี 1998 และ What Lies Beneath ในปี 2000 เป็นหนังผีที่ประสบความสำเร็จ ทำรายรับกว่า 155 ล้านดอลลาร์ใน อเมริกา และกว่า 300 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกด้วยแหนะ
ผลงานจากผู้กำกับ เจมส์ แมนโกลด์
ทางแฟรนไชส์หนัง อินเดียน่า โจนส์ 2023 แอ็กชันผจญภัย อินเดียนา โจนส์ นี่อยู่กับคนทุกยุคสมัยมากว่า 42 ปีแล้วนะ และที่สำคัญคือผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นไม่กี่แฟรนไชส์หนังในฮอลลีวูดที่ยังคงความคลาสสิกและกลิ่นอายแบบเดิม ๆ
เอาไว้ได้ครบในทุกภาค ถ้าพูดในเชิงชื่นชมก็คือ เป็นแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งพอที่จะคงรูปแบบเดิมเอาไว้ ไม่พยายามเปลี่ยนโน่นนี่เอาใจตลาดจนเกินงาม
ในส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะการวางรากฐานของเรื่องราวของ จอร์จ ลูคัส ในฐานะผู้ให้กำเนิดเรื่องราว สตีเวน สปีลเบิร์ก ในฐานะผู้กำกับที่วางวิสัยทัศน์ให้กับหนังชุดนี้ และ แฮร์ริสัน ฟอร์ด นักแสดงที่รับบทอินดี้ได้อย่างชนิดที่หาคนอื่นแทนไม่ได้จริง ๆ
15 ปีนับจากภาคที่แล้ว ‘Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull ในปี 2008 เดินทางมาสู่ภาคที่ 5 ของแฟรนไชส์ในเรื่องนี้ กับกงล้อแห่งโชคชะตา ซึ่งมาถึงภาคนี้ สปีลเบิร์กที่เคยกำกับ
และสร้างภาพลักษณ์ของอินเดียนา โจนส์ 4 ภาคแรกในความทรงจำของแฟนหนังมาตลอด เลือกที่จะถอยไปนั่งแท่นโปรดิวเซอร์ ส่งไม้ต่อให้กับผู้กำกับรุ่นใหม่ เจมส์ แมนโกลด์ ผู้กำกับ Ford v Ferrari ในปี 2019 และ Logan ในปี 2017 ที่ได้รับคำชื่นชมล้นหลาม มารับตำแหน่งกำกับแทน
ขอแสะพูดถึงผู้กำกับคนเก่งของเรื่องนี้ อินเดียน่า โจนส์ ผู้กำกับ เจมส์ แมนโกลด์ เกิดวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1963 เป็นผู้กำกับภาพยนตร์และโทรทัศน์ นักเขียนบทและผู้อำนวยการสร้างชาวอเมริกัน เขาเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี
จากภาพยนตร์เรื่อง ค็อปแลนด์ หลังชนฝาต้องกล้าสู้ ในปี 1997 และ เกิร์ล และอินเทอรัพเตอร์ วัยคะนอง ในปี 1999 และ วอล์ค เดอะ ไลน์ อ้อมกอดรักก้องโลก ในปี 2005
และภาพยนตร์ Indiana Jones ผู้กำกับ ซูเปอร์ฮีโรเรื่อง โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน ในปี 2017 หลังซึ่งมีพื้นฐานมาจากมาร์เวลคอมิกส์ตัวละครวูล์ฟเวอรีนและทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
จากนั้นเขากำกับภาพยนตร์ดราม่ากีฬาเรื่อง ฟอร์ด วี เฟอร์รารี่: ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ ในปี 2019 ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
เรื่องย่อของเรื่องนี้
ในส่วนของตัวหนังจะเล่าเรื่อง Indiana Jones and the Dial of Destiny เรื่องย่อ ใน 2 ช่วงเวลา ช่วงแรกเกิดขึ้นในปี 1944 ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 อินเดียนา โจนส์ ในวัยหนุ่มแน่น ด้วยงาน De-Aged ลดอายุ แล้วเอาไป Deepfake แปะหน้าตัวแสดงแทน
ต้องเข้าไปช่วยเพื่อนนักโบราณคดี เบซิล ชอว์ ที่เทือกเขาแอลป์ ฝรั่งเศส และช่วงชิงเอา ทวนแห่งลองกินุส ที่เคยอาบพระโลหิตของพระเยซูคริสต์จากกองทัพนาซีมาให้ได้
แต่ในระหว่างนั้น ทั้งอินดี้และเบซิลได้ค้นพบว่า นาซียังมีวัตถุโบราณที่เจ๋งกว่านั้นคือ กลไกแอนติไคเธอรา คิดค้นโดย อาร์คีมีดีส ที่ เยอร์เกน วอลเลอร์ นักโบราณคดีของกองทัพนาซีครอบครองอยู่ เพราะเชื่อว่ากลไกนี้สามารถคำนวณหารอยแยกของกาลเวลา ที่สามารถพาผู้ครอบครองย้อนเวลากลับไปยังอดีตได้
indiana jones and the dial of destiny pantip ในอีก 25 ปีต่อมา อินดี้กลายเป็นอาจารย์ด้านโบราณคดีวัยเกษียณที่งุ่มง่าม วางมือจากการผจญภัยไปแล้ว แถมยังเป็นคนแก่เชยสะบัดเบื่อโลกที่กำลังกลุ้ม ทั้งการหย่าร้างกับภรรยา แมเรียน เรเวนวูด เพราะเสียลูกชาย
ในสงคราม และการที่สหรัฐอเมริกากำลังเห่อการปล่อยจรวดสู่ดวงจันทร์ วันหนึ่ง อินดี้ก็ได้พบกับ เฮเลนา ชอว์ ลูกสาวของเบซิลที่อินดี้รับเป็นพ่อทูนหัวตั้งแต่อ้อนแต่ออก
และได้รู้ว่าเธอเองก็สนใจและต้องการจะตามล่ากลไกนี้ด้วยเช่นกัน เธอจึงได้ชวนอินดี้ลากสังขารออกไปผจญภัยไขปริศนาเกี่ยวกับกลไกนี้ และได้พบเจอกับน้อง เท็ดดี คูมาร์
คือ เด็กชายคนสนิทของเฮเลนาที่ออกติดตามแบบบังเอิญ เพื่อยับยั้งไม่ให้เยอร์เกนใช้กลไกนี้ย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของนาซีในอดีต
ด้วยความที่มันห่างจาก อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อ เรื่องย่อ ภาคอื่น ๆ มาเกือบ 2 ทศวรรษ พอมาถึงภาคนี้ มันก็เลยมีความน่าห่วงในหลาย ๆ จุด ทั้งภาคที่แล้วที่โดนวิจารณ์พอสมควร ความสดใหม่ของเรื่องราว การเปลี่ยนมือผู้กำกับที่อาจจะเอาไม่อยู่กับหนังบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์
ในระดับสปีลเบิร์กเลยเชียวนะ ที่ภาคนี้ใช้ทุนสร้างมากถึง 295 ล้านเหรียญ สูงที่สุดจากทุกภาค และสูงเป็นอันดับ 11 ของหนังทุนสร้างสูงสุดตลอดกาล
และสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือ ลุงฟอร์ดที่เป็นหน้าตาของแฟรนไชส์นี้จะยังสู้ไหวไหมกับหนังแอ็กชันผจญภัย เพราะภาคที่แล้วก็แอบเริ่มเห็นลุงเหนื่อย ๆ อยู่เหมือนกันแหละ
รีวิวอินเดียน่า โจนส์ ความอลังการด้านงานสร้าง
ถึงแม้ตัวหนัง อินเดียน่า โจนส์ นักแสดง จะพยายามเติมความอลังการด้านงานสร้างเข้ามา แต่ปัญหาของภาคนี้ โดยรวมก็คงปฏิเสธไม่ได้แหละว่า หลาย ๆ อย่างในหนังมันก็เชยจนไม่มีอะไรที่สดใหม่อย่างแท้จริงไปแล้ว
ซึ่งแมนโกลด์เองก็รู้จุดนี้ดี เลยเลือกที่จะตั้งใจเดินตามกลิ่นอายดั้งเดิมแบบที่สปีลเบิร์กทำไว้แล้วไปให้สุดในฐานะหนังบล็อกบัสเตอร์ขายบันเทิง ขายความคลาสสิกด้วยเนื้อเรื่องที่สนุกและดูได้เรื่อย ๆ
แม้ว่าจะเดาง่ายมาก และบางช่วงก็แอบเดินเรื่องช้า ไปเลย หรือการสอดแทรก Easter Egg จากภาคเก่า ๆ ให้ได้อมยิ้ม การใส่สกอร์ฝีมือของ จอห์น วิลเลียมส์ ที่ให้อารมณ์เดิม ๆ หวนกลับมา ในขณะที่แฟนใหม่ ๆ ก็ยังสามารถดูภาคนี้แบบสนุกและรู้เรื่องได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องดูภาคอื่นมาก่อน
ส่วนเรื่อง อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อ สปอย ของนักแสดง ก็เรียกได้ว่าไม่มีนักแสดงคนไหนที่ผิดหวังครับ ปู่ฟอร์ดยังคงวาดลวดลายการเป็นอินดี้ได้อย่างไว้ลาย คือปู่คงไม่ได้ฟิตอะไรขนาดนั้น แต่แค่ปู่แกเลือกใช้แส้จริงแทน CG
และเห็นฉากที่ปู่ออกแอ็กชัน แค่นี้ก็ชวนให้ลืมอายุได้แล้วล่ะ ส่วนนักแสดงคนอื่น ๆ ทั้ง ฟีบี วอลเลอร์-บริดจ์ ก็มีเสน่ห์ และคาแรกเตอร์ของเธอก็ทำให้ผู้หญิงมีความโดดเด่นและเป็นตัวหลักของภาคนี้ได้อย่างน่าสนใจ
ในส่วนน้องอีธาน อีสิดอร์ ก็ฉลาดเป็นกรดในแบบที่ดูไม่แก่แดดดี และลุงแมดส์ มิคเคลเซน ที่สวมบทนาซีได้น่ากลัวมาก สมกับเป็นวายร้ายของฮอลลีวูดจริง ๆ แม้ตอนท้ายจะดูมีความเป็นทหารนาซีคลั่ง ๆ ป่วย ๆ มากกว่าเท่เหมือนตอนเริ่มเรื่องก็ตามทีเถอะ
แม้หนังเรื่องนี้ Indiana Jones นักแสดง อาจไม่ได้ดีที่สุดจากทุกภาค มีจุดที่ขัดใจอยู่พอควร แต่ภาคนี้ก็ถือว่าไม่แย่เลย มีฉากแอ็กชันที่มันมาก ฉากฮาก็ได้ยิ้ม มีฉากประทับใจซึ้ง ๆ ด้วย เป็นภาคที่แฟนหนังชุดนี้ดูสนุกแบบไม่ผิดหวัง
ส่วนคนไม่ใช่แฟนก็ดูได้ รุ่นเก๋ารุ่นใหม่ดูได้หมดทั้งครอบครัว เป็นหนังบันเทิงแกล้มป๊อปคอร์นที่ไม่เสียดายค่าตั๋ว จุดที่อัปเกรดใหม่ในภาคนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้เร้าใจเกินคาด แม้ตัวหนังจะไม่ค่อยสดใหม่เท่าไหร่นัก
ซึ่งภาคนี้มันก็ฟ้องตัวเองชัดเจนแล้วแหละว่า แฟรนไชส์มันจบสมบูรณ์ในตัวเองไปเรียบร้อยและไม่น่ามีอะไรใหม่ไปกว่านี้อีกแล้ว ส่วนปู่ฟอร์ดเองก็ถือว่าทิ้งทวนปิดตำนานในภาคนี้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีแล้วล่ะ
งานภาพ CG ของเรื่องนี้ที่โครตจะอลังการ
แล้วนอกจากเนื้อเรื่องที่แอ็กชันเข้มข้มจัดเต็มแล้ว งานองค์ประกอบภาพ CG และดนตรีประกอบ ยังช่วยเสริมให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นและครบรสมากขึ้น ภาพยนตร์นี้ก็ได้จอห์น วิลเลียมส์ นักประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง
ที่เคยฝากผลงานไว้กับภาพยนตร์ Indiana Jones ตัวละคร มาแล้ว ใน Raiders of the Lost Ark ปี 1981 หวนกลับมา สร้างสรรค์บทเพลงให้กับภาพยนตร์ภาคนี้ด้วย พร้อมลายเส้นการกำกับผลงานของ เจมส์ แมนโกลด์ ที่เคยฝากผลงานมาแล้วใน Logan และ Ford v Ferrari ที่การันตีความสนุกตื่นเต้นและตื่นใจตลอดทั้งเรื่อง
และยังมีไฮไลท์สำคัญที่ทำให้นักวิจารณ์เทใจให้คะแนนกับภาพยนตร์นี้ ต้องยกให้กับฝีมือการแสดงระดับเทพของนักแสดงทุกคน ที่นำโดย แฮริสัน ฟอร์ด ที่กลับมาสวมบทนักโบราณคดีฮีโร่ผู้เป็นตำนาน
อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อแห่งโชคชะตา เต็มเรื่อง ที่พร้อมออกลวดลายการแอ็กชันจัดเต็มประหนึ่งแสดงในภาคแรก ประกบกับ ฟีบี้ วอลเลอร์ บริดจ์ ในบทบาท เฮเลน่า ชอว์ ลูกสาวของเพื่อนสนิทอินเดียน่า โจนส์ ผู้ที่ปลุกไฟวัยเกษียณของอินดี้
ได้ออกมาร่วมผจญภัยตามล่าสมบัติสุดขอบฟ้าด้วยกันอีกครั้ง พร้อมด้วย แมดส์ มิคเคลเซน และ แอนโตนิโอ บันเดรัส และอีกมากมาย ที่ทำให้องค์ประกอบของภาพยนตร์สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ก็ถือได้ว่าเรื่องนี้ Indiana Jones and the Dial of Destiny สปอย อาจจะยังไม่ใช่ภาคที่น่าประทับใจที่สุด การผจญภัยและกิมมิกต่าง ๆ ยังค่อนข้างเพลย์เซฟไปสักหน่อย
ซึ่งถ้าให้บอกตามตรงก็คงจะพูดได้ว่าเป็นหนังอินดี้ที่แทบจะไม่ได้รู้สึกผูกพันหรือมีซีนและฉากที่ตราตรึงใจสักเท่าไหร่ มันกลายเป็นมนต์ขลังเก่า ๆ ที่แตะยังไม่ถึง
ในช่วงวาระเวลาที่มันกำลังจะค่อย ๆ จางหาย แต่กระนั้นความเป็นตำนานของอินดี้กลับยังคงอยู่ตลอดไป โดยที่อยู่ในช่วงเวลาที่ดีงามของมันนับตั้งแต่ภาคที่ 3 เป็นต้นมา ใครที่ชอบดูหนังแนวการผจญภัยอยู่แล้วก็ไม่ควรพลาด