รีวิวFast X ในภาคนี้ก็ถือได้ว่ามีฉากแอ็คชั่นที่ดุเดือดไม่แพ้ภาคก่อนเลย ในภาคนี้เรื่้องราวก็ตะประมาณว่ามีคนมาแก้แค้นดอมพระเอกสุดเท่สุดหล่อไม่ว่าจะพูดอะไรก็เท่ก็หล่อไปหมด

ซึ่งไม่ว่าใครก็เอาความหล่อของเขาไม่ลงจริง ๆ เรามาคอยดูกันว่าในภาคนี้เรื่องราวจะสุดจะเดือดมากแค่ไหน ไปดูกัน สามารถรับชมหนังฟรี ภาพคมชัด ไม่มีสะดุด ได้เลยที่ ดูหนังออนไลน์

ก็ถือได้ว่าหนังซิ่งแข่งรถ กลายมาเป็นหนัง รีวิวเร็วแรง ทะลุนรก 10 จารกรรมสุดบ้าคลั่ง จากนั้นก็กลายเป็นหนังจารชนพิทักษ์โลก แต่ก็ไม่หลงลืมที่จะบอกทุกคนว่าฉันเป็นหนังครอบครัวนะยะ หลังจากภาคที่แล้ว Justin Lin กำกับพร้อมร่วมเขียนบท มาภาคนี้

เขาถอยไปทำหน้าที่โปรดิวเซอร์และเขียนบท ปล่อยให้หน้าที่กำกับให้เป็นของ Louis Leterrier คนที่เคยทำ The Transporter นั้นเอง ไปแทน ซึ่งก็คงต้องเรียกว่า นี่คือหนังภาคที่รวบรวมเอาเหตุการณ์และตัวละครเก่าในภาคก่อน ๆ  มาโผล่หน้าให้ผู้ชมได้สนุกกันอีกครั้ง

ขอแวะมาที่ผู้กำกับคนเก่งของเรานะ หลุยส์ เลเตร์ริเอร์ เกิด 17 มิถุนายน พ.ศ. 2516 เป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวฝรั่งเศส เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากผลงานภาพยนตร์แอคชั่น เขากำกับภาพยนตร์ Transporter ท่านสามารถติดตามการรีวิวของเราได้เลยที่ รีวิวหนัง ครบทุกแนว

สองเรื่องแรก ในปี พ.ศ. 2545 ถึง 2548 และ The Incredible Hulk ในปี พ.ศ. 2551 และ Clash of the Titans ในปี พ.ศ. 2553 และ Now You See Me ในปี พ.ศ. 2556 และภาคที่สิบ Fast & ภาค Furious Fast X ในปี 2023 เขายังกำกับซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่อง The Dark Crystal Age of Resistance ในปี 2019 นั้นเเอง

เขาเกิดที่ปารีส เป็นลูกชายของผู้กำกับ François Leterrier และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย Catherine Leterrier เขาเป็นหลานชายของนักการเมือง Laurent Fabius และนักโบราณวัตถุ François Fabius เขาได้รับคำแนะนำทางศิลปะจากแม่ของเขา

ในตอนแรก Leterrier เป็นมือกลองให้กับกลุ่มดนตรีก่อนจะทดลองทำหนังสั้น เมื่ออายุได้ 18 ปี หลังจากได้รับการฝึกฝนด้านการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์

fast x เขาออกจากฝรั่งเศสเพื่อศึกษาด้านภาพยนตร์ที่ Tisch School of the Arts ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กด้วย เอาประวัติของเขาแค่คร่าว ๆ ไปก่อนนะ

เรามาเข้าสู่เรื่องราวของเรื่องนี้ Fast X เรื่องย่อ กันต่อเลยดีกว่า ในภาคนี้เป็นเรื่องที่ปูทางไปสู่จุดสิ้นสุดของตระกูล Fast เพราะภาคสุดท้ายจะถูกแบ่งเป็น 3 ช่วงครั้งภาคนี้เป็นช่วงแรกที่จบแบบชวนให้ติดตามภาคต่อไปทันทีเลย เรื่องนี้ก็จะเป็นการกลับมาแก้แค้นครอบครัวหรือแก๊งของตัวเอก

ซึ่งตัวร้ายภาคนี้ดูจะเก่งกว่าตัวร้ายภาคก่อน ๆ อยู่พอสมควร เพราะสามารถเอาชนะตัวร้ายภาคก่อนหน้าได้อย่างง่ายดาย ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่ความเก่งของตัวร้ายนี้

เลยจะทำให้หนังภาคสุดท้ายมีถึง 3 ช่วง ฉากต่าง ๆ ของตัวหนังยังคงมีความเวอร์วังไม่สมจริงไม่เดิม เพราะถึงขั้นขับรถไปอวกาศมาแล้วภาคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ เมื่อแก๊งพระเอกได้อยู่หลังพวงมาลัย แต่สำหรับคนที่คาดหวังไปดูฉากแอคชั่นก็ไม่ผิดหวังเหมือนเดิม

ซึ่งเนื้อเรื่องในภาคนี้ก็ยังเหมือนเดิมคือไม่ใช่จุดขายของหนังตระกูล สายซิ่ง มาตั้งนานแล้ว ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจแปลกไปจากความคาดหวังมากนัก อาจมีหักมุมทรยศหักหลังกันบ้าง

แต่ก็ถือว่าโดยรวมแล้วเนื้อเรื่องก็เป็นเส้นตรงเหมือนภาคก่อน ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้โดดเด่นกว่าภาคก่อนๆ คือ ตัวร้ายที่มีแรงแค้นจากสิ่งที่แก๊งตัวเอกทำไว้ในภาคก่อนๆ ประกอบกับความโรคจิตและกวนโอ้ยหน่อย ๆ ที่ Jason Momoa ที่ตีบทแตก

และสามารถแสดงได้เข้าถึงมากให้อารมณ์แตกต่างจากตัวร้ายภาคก่อนพอสมควร แต่แม้ว่าจะเป็นตัวร้ายที่โรคจิตก็เป็นตัวร้ายที่ฉลาดรอบคอบ วางแผนล่วงหน้าทำอะไรนำหน้าแก๊งพระเอกไปหลายก้าว ทำให้หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจสำหรับเรื่องนี้ในภาคนี้ก็คือตัวร้ายนั่นเองนะ

ก็ถือว่าบทสรุปของ เร็วแรง ทะลุนรก 10 เรื่องย่อ ปลายทาง เรื่องราวของครอบครัวใหญ่ที่ต้องพบเจอวิบากกรรมและผลพวงจากอดีตอย่างไม่หยุดหย่อน ดอม โทเร็ตโต เป็นคนที่เคยนำพาครอบครัวฝ่าฟันเอาชนะศัตรูมากหน้า ที่เข้ามาขวางทางครั้งแล้วครั้งเล่า

ในภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อมันมาอยู่ในมือของครอบครัวนี้ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งหมดแหละ แต่สิ่งที่เขาไม่ทันคาดคิด อดีตที่มันน่าจะผ่านไปนานแล้ว ทว่ามันก็ยังตามกลับมาหลอกหลอนพวกเขาอีกจนได้

แต่ในครั้งนี้ พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับคู่ปรับที่สุดแสนจะอันตราย ดันเต้ คือชายที่มุ่งมั่นจะกลับมาสร้างความทุกข์ทรมานให้กับดอมที่เคยทำให้พ่อของเขาเสียชีวิต เขามุ่งมั่นจะทำลายครอบครัวอันเป็นที่รักของดอม และทุกคนที่ดอมรักด้วยแรงแค้นที่มี

มาในเรื่องของฉากแอคชั่นบอกเลยว่ายังคงมีกลิ่นอายของความเป็น Fast ในภาคก่อน ๆ แบบจัดเต็ม เป็นจุดขายของซีรีส์นี้เลย

คือมีการระเบิดภูเขาเผากระท่อมในทุกที่ที่แก๊งตัวเอกไป และสำหรับคนคิดถึงการแข่งรถแบบ Fast ภาคแรก ๆ ในหนังเรื่องนี้ก็มีใส่มาให้เล็กน้อยให้หายคิดถึงเลย

แต่มันเล็กน้อยจริง ๆ คนที่คาดหวังส่วนนี้ก็อาจจะผิดหวังเล็กน้อย ส่วนฉากบู้ด้วยคน ฉากไล่ตามด้วยรถยนต์ยังคงใส่มาให้เยอะจุใจเหมือนเดิม จนรู้สึกว่ามันอาจจะเยอะไปหน่อย

เพราะมันแอคชั่นตั้งแต่หลังเปิดเรื่อง เร็วแรง ทะลุนรก 10 ผู้กำกับ มาไม่นานไปจนถึงตอนจบเลยทีเดียว กราฟฟิกอะไรต่างก็ค่อนข้างโอเคแม้ว่าจะดูลอย ๆ บ้างในบางฉาก แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเค

เพราะแอดดูรอบสองทุ่มกว่าหนังจบเกือบ 5 ทุ่มแต่ฉากแอคชั่นทำให้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมากและดูสนุกจนไม่ง่วงเลยแม้ว่าหนังจะนานเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ตาม

ในการกระจายบทตัวหนังเรื่องนี้ Fast X ผู้กำกับ ก็ทำได้ดี เพราะในเรื่องนี้มีเหตุการณ์ที่ทำให้แก๊งตัวเอกต้องแยกกันดำเนินเรื่องเป็นกลุ่มย่อย ๆ ซึ่งก็เล่าเรื่องแต่ละกลุ่มกระจายกันได้ดี ไม่กระจุกอยู่ที่ตัวพระเอกมากเกินไป

และมีฉากบู้ฉากแอคชั่นให้เราได้เห็นกันในแทบทุกกลุ่มย่อยเลย เรียกได้ว่ากะไม่ให้ผู้ชมได้พักกันเลยทีเดียว ฝั่งแก๊งพระเอกก็ยังคงคาแร็กเตอร์ความกวนโอ้ยและความเป็นครอบครัวเหมือนเดิม

โดยเฉพาะตัวละคร Roman Pearce และ Tej Parker ที่มีความกวนโอ้ยตบมุกกันโบ๊ะบ๊ะได้เหมือนเดิม ทั้งมุกฮามุกฝืดมีให้เห็นกันเยอะพอสมควร แต่ส่วนของตัวหนังก็มีบางบทที่ใส่มาแบบงง ๆ อยู่บ้าง

แต่ถ้าดูแบบใส่ใจรายละเอียดก็อาจพบอะไรที่มันอิหยังวะได้ในบางฉาก นอกจากนั้นภาคนี้ยังนำตัวละครจากหลายๆ คนภาคก่อนหน้ากลับมาเยอะมาก นอกจาก Han แล้ว ก็ยังมีลูกสาวของ Mr.Nobody ที่แสดงโดย Brie Larson, น้องสาวของภรรยาเก่าของดอม และ Deckard Shaw ด้วย

และที่มีข่าวลือว่าจัสติน ลิน ได้ประกาศอนตัวจากการเป็นผู้กำกับไปจากกะทันหัน เพื่อแค่ไม่กี่อึดใจก่อนที่หนังจะเริ่มถ่ายทำ ให้ภาคนี้ได้ส่งไม้ต่อให้กับ หลุยส์ เลเทอร์เรียร์ ที่เคยผ่านงานปัง ๆ อย่าง Now You See Me ทั้ง 2 ภาค

และหนังตระกูล Clash of the Titans ถึงแม้ว่าจะเป็นจับมือต่อแบบปุบปับไม่น้อย แต่เขาก็สามารถปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรม หรืออาจจะเรียกได้ว่า แฟมิลี่ ของหนังตระกูลฟาสต์ได้อย่างรวดเร็วเหมือนกัน

ซึ่งในส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าหนัง Fast X นักแสดง ได้ถูกวางรากฐานเอาไว้อยู่แล้ว โดยทีมสร้างชุดเดิม ที่นำทีมโดย จัสติน ลิน นั่นเอง ทำให้เราไว้วางใจเรื่องการดำเนินเรื่อง

และเล่าเรื่องแบบไร้รอยต่อไปในภาคนี้ไปได้เลย งานกำกับของ หลุยส์ เลเทอร์เรียร์ ยังคงเส้นคงวาและเอกลักษณ์ของเฟรนไชส์หนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี เป็นประสบการณ์ 2 ชั่วโมงนิด ๆ

แบบที่เต็มไปด้วยฉากแอคชั่นชวนเหวอและไม่สมเหตุสมผลใด ๆ เลยสักนิด แต่กลับเต็มไปด้วยอรรถรสความมันส์และความสนุกชนิดระเบิดเมืองเป็นจุล

สำหรับเรื่องนี้ก็ที่ได้ จัสติน ลิน มาร่วมทีมเขียนบทกับ แดน มาซัว ที่คุ้นเคยกันดีมาตั้งแต่เฟรนไชส์ยุคแรก ๆ และ แกรี่ สก็อต ทอมป์สัน จากหนัง Wrath of the Titans ที่ถูกดึงตัวว่าร่วมขัดเกลาบท

แต่ก็แน่นอนว่าหนังยังสานต่อเนื้อเรื่อง เร็วแรง ทะลุนรก 10 นักแสดง เอาไว้ได้ค่อนข้างแยบยล แต่หากจะถามหาถึงแก่นสารต่าง ๆ แล้วนั้น คงจะต้องบอกตรงไปตรงมาว่าเรื่องนี้

เป็นหนังที่ค่อนข้างเลอะเทอะและหาสาระอะไรแทบไม่ได้เลย เพียงแต่ว่ามันยังสามารถทำให้คนดูเอ็นจอยไปด้วยมันได้ดี โดยเฉพาะแฟน ๆ ที่จะกรี๊ดกร๊าดไปกับ easter eggs ต่าง ๆ ที่วางเรียงรายได้ทั้งเรื่องนั้นเองแหละนะ

ถ้าถามฉันว่าคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เร็วแรง ทะลุนรก 10 สปอย ก็ฉันคิดว่าในด้านเทคนิคงานสร้างของเรื่องนี้ ก็คงจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับภาคที่แล้วทำเอาไว้ มันยังคงปะปนไปด้วยฉากซ้ำ ๆ เดิม ๆ แอคชั่นวิถีเดิม ๆ ที่คนดูน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้ว

ที่ได้ทุนสร้างของหนังน่าจะหนักไปที่การทำซีจีต่าง ๆ ที่ภาคนี้ยัดใส่เข้ามาแทบจะทุกซีนเลยก็ว่าได้ และมันก็อัดแน่นไปด้วยฉากแอคชั่นใหญ่ ๆ หลายซีนมาประกอบกัน อาจจะไม่สมบูรณ์แบบและบกพร่องไปอยู่บ้าง แต่ก็เป็นการคืนกำไรให้กับผู้ชมดี

คงจะต้องสารภาพตรง ๆ เลยว่า ระหว่างที่ดูหนังเรื่องนี้ผู้เขียนค่อนข้างเอียนไปกับคอนเซ็ปต์จุดขายของหนังเรื่องนี้ อย่าง ไฮไลต์ความเป็นครอบครัว มันกลายเป็นองค์ประกอบที่เลี่ยนและเชยไปเสียแล้ว ถูกนำมาใช้บ่อยจนช้ำชอกไปหมด

ซึ่งบางครั้งก็หยอดใส่เข้ามาแบบไม่รู้ตาสีตาสาสักเท่าไหร่ จากอารมณ์บู๊เดือดจัด ๆ อยู่โยงมาโหมดซึ้งแฟมิลี่ชวนเลี่ยนอีกแล้ว จุดนี้กลายเป็นความบอบช้ำของหนังที่บั่นทอนตัวหนังไปอย่างน่าเสียดายอยู่เหมือนกันนะ

ในฉากแอคชั่นต่าง ๆ ของหนังเรื่องนี้ เร็วแรง ทะลุนรก 10 ตัวร้าย เรียกได้ว่าโคตรโม้ โคตรแหกกฎแรงโน้มถ่วงของโลกจริง ๆ และแน่นอนว่าในภาคนี้ ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังของจริงค่ะ

เพราะเขาเล่นใหญ่จัดเต็มตลอดทั้งเรื่อง ให้เราได้ดูกันยาว ๆ เลยทีเดียวแต่น้อยกว่าภาคที่ 9 เยอะ ส่วนในเรื่องความสร้างสรรค์ ของฉากแอคชั่นถือว่ายังไม่สดใหม่เท่าที่ควร มีการหยิบยืมเอาฉากต่าง ๆ ของภาคเก่ามายำรวมกัน ให้เราได้ดูกันอย่างสนุกสนาน และมีบางฉากที่ฉันถึงกับตกใจว่าจะเวอร์ไปไหม 55555

แต่ก็มีส่วนที่น่าผิดหวังจริง ๆ นั้นก็คือการตัดต่อ ซึ่งเป็นการตัดต่อที่ฉึบฉับมาก แบบที่คนดูกำลังอินไปกับฉากฉากนี้ แต่ตัวหนังกลับตัดฉึบไปเลย ที่แบบคนดูนั้นไม่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ตามทันกันแน่

นอกจากเรื่อง Fast X พระเอก ของความแอ็คชั่นและพล็อตเรื่องแล้วในภาคนี้ก็ยังใส่มุกตลกเขามาด้วยตามสูตรของ ไทรีส กิบสัน ที่เป็นตัวโจ๊กของกลุ่ม แต่ในภาคนี้กลับไม่ได้ฮาอย่างที่คิดเลยล่ะ

แล้วนอกจากนั้นตัวหนังก็ยังไม่ลืมกลิ่นอายของตัวเองอย่างฉากการแข่งรถ ซึ่งในภาคนี้กลับรู้สึกเฉย ๆ มาก แทบจะไม่มีเสน่ห์เลยกับฉากแข่งรถนี้

และในส่วนของนักแสดงนั้นก็มีสิ่งที่ทำให้คนดูรู้สึกเซอร์ไพรส์กันไม่น้อยเลยล่ะกับ 2 นักแสดงชุดใหม่อย่าง เจสัน โมมัว และ บรี ลาร์สัน ทั้งสองมีเคมีที่เข้ากับหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีเลย

ซึ่งในตัวของเจสัน โมมัว นั้นก็เป็นตัวร้ายที่แบบจิตๆ และทรงพลังมากๆ คนหนึ่งในหนังแฟรนไชส์นี้เลย แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์คนดูแบบสุดๆนั้นก็คือ 2 นักแสดงที่กลับมาแต่ขอไม่บอกว่าเป็นใคร อันนี้ต้องไปหาคำตอบกันเองในโรงภาพยนตร์นะ ในช่วงของเอ็นเครดิตนั้นเอง

ไม่ว่ายังไงก็ถือว่าโดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ Fast X ตัวละคร เป็นช่วงแรกของการปูทางไปสู่ฉากจบที่แท้จริงของหนังตระกูล Fast หากไปดูแบบไม่คิดอะไรมากเรื่องเนื้อเรื่องและความสมจริง

บอกเลยว่าไม่ผิดหวังกับฉากแอคชั่นทั้งคนและรถของตัวหนังแน่นอน ด้วยตัวร้ายที่เก่งกาจและมีความโรคจิตทำให้แก๊งพระเอกตกที่นั่งลำบากจนชวนให้คิดว่าภาคต่อไปแก๊งพระเอกจะแก้เกมยังไง

นอกจากนี้ในหนัง fast x end credits ที่มีความเคร่งเครียดจากฉากแอคชั่นก็มีความตลกโปกฮาจากตัวละครเข้ามาแทรกบ้าง ทำให้ดูเพลินจริงๆครับเรื่องนี้ แล้วก็ตัวหนังมี End credit ด้วยนะเป็นการบอกอะไรเกี่ยวกับภาคถัดไปเล็กน้อย ทำให้น่าติดตามเข้าไปอีก ภาคต่อไปมีตัวละครลับโผล่มาด้วย