รีวิวจอมขมังเวทย์ ฉันจะมารีวิวหนังเก่ายอดนิยม ซึ่งเรื่องนี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่าหนังแนวเวทมนตร์ของไทย ที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ก็ถือได้ว่า 15 ปีคือระยะเวลาที่หนัง จอมขมังเวทย์ 2020 ได้ทิ้งช่วงห่างจากเหตุการณ์ในหนังภาคแรก

โดยเรื่องราวในภาคนี้ไปโฟกัสอยู่ที่ตัวละครใหม่อย่าง วิน ที่นำแสดงโดย หมาก ปริญ สุภารัตน์ ลูกชายเจ้าของค่ายมวยดังย่านนนทบุรี เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวหลังจากที่พ่อของเขาถูกลอบสังหารจากฆาตกรลึกลับ

เพื่อชิงเครื่องรางของขลังที่พ่อติดตัวไว้ตลอดเวลา จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้วิน ตัดสินใจกระโจนเข้าสู่การสักยันต์และนำ ของ ตามความเชื่อโบราณเข้ามาใส่ในตัวเอง มาดูกันว่าเรื่องราวของเรื่องนี้จะสนุกมากแค่ไหน สามารถเข้ารับชมหนังฟรีได้เลยที่ ดูหนังออนไลน์

รีวิวจอมขมังเวทย์ หนังไทย แอ็คชั่นที่สนุก เรื่องราวของเวทมนตร์ไสยศาสตร์

รีวิวจอมขมังเวทย์ หนังไทย แอ็คชั่นที่สนุก เรื่องราวของเวทมนตร์ไสยศาสตร์

รีวิวจอมขมังเวทย์ เรื่องย่อ

จอมขมังเวทย์ เรื่องราวเริ่มที่ในช่วงหลังพ่อถูกฆ่าตาย วิน ไอ้หนุ่มนักมวยสุมไฟแค้นออกตามล่าตัวฆาตกร จนได้พบกับองค์กรพลังจักรวาลที่นำโดย ครูเมย์ ที่นำแสดงโดย สินจัย เปล่งพานิช ไลฟ์โค้ชสาวใหญ่ผู้มีเบื้องหลังเป็นผู้ค้าวัตถุไสยเวทย์ และ ก็อต ที่นำแสดงโดย จิรายุ ตันตระกูล มือขวาครูเมย์ที่ช่วยตามล่าสินค้า

โดยทั้งคู่ได้ตกเป็นเป้าหมายสำคัญของ วิน ที่หวังออกตามล่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อเขาเพียงเพื่อชิงเหล็กไหลวัตถุมงคลมากพุทธคุณ และสงครามอาคมครั้งนี้ได้นำ หมวดการ์ตูน ที่นำแสดงโดย ชิชา อมาตยกุล มือปราบสาวไฟแรงที่ต้องมาต่อกรกับสงครามมนตร์ดำครั้งนี้

แต่เมื่อศึกเริ่มสะเด็ดน้ำ อิทธิ ที่นำแสดงโดย ฉัตรชัย เปล่งพานิช อดีตผู้กองจอมขมังเวทย์ในตำนานก็ปรากฎตัว แต่สงครามไสยศาสตร์คราวนี้จะจบลงเช่นไรต้องติดตาม อยากจะรับชมเรื่องนี้ก็สามารถเข้ารับชมได้ฟรีที่ ดูจอมขมังเวทย์

รีวิวจอมขมังเวทย์ เรื่องย่อ

ซึ่งพอหลังทิ้งห่างจากภาคแรกไปถึง 15 ปี ต้อม ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ ได้กลับมารื้อปัดภาคต่อหนัง จอมขมังเวทย์ เรื่องย่อ อีกครั้ง โดยสิ่งที่เราสังเกตได้เลยคือการเก็บเล็กผสมน้อยเหตุการณ์บ้านเมืองต่าง ๆ เอามาสอดแทรกไว้ในหนังเสมือนเป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์

ในด้านความเชื่อความศรัทธาหรืองมงายย่อม ๆ ทั้งการบูมของธุรกิจไลฟ์โค้ช ธุรกิจวัตถุมงคลที่มีตลาดระดับหลายพันล้าน หรือแม้กระทั่งการล้อเลียนเหตุการณ์ที่ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ ไหว้ นายเปรมชัย ในคดีฆ่าเสือดำ ก็กลายเป็นกลไกหลักในการสร้างให้ผู้ร้ายในหนังดูเหนือมนุษย์

และกฎหมายเอื้อมมือไม่ถึง แม้ในภาพรวมต้องยอมรับว่าหนังเองมีจุดบกพร่องแบบ เอาปากกาแดงวงคำผิดก็คงแดงเถือกเป็นหย่อม ๆ ทั้งการไม่อธิบายที่มาที่ไปหรือให้เราได้รับรู้ปมลึก ๆ ในใจตัวละคร

หรือกระทั่งการไม่อธิบายกระทั่งการใช้พลังคุณไสย จนคนไม่เคยดูภาคแรกอาจงงกับตรรกะการต่อสู้เชิงอาคมในเรื่องได้ แต่หนังก็เอาตัวรอด

และกลบข้อด้อยด้วยพลังของนักแสดงและการอัดฉากบู๊ให้ตื่นเต้นมาแบบแทบไม่ได้พักเลย อย่าลืมติดตามการรีวิวของเราเรื่องอื่น ๆ ทางเรารีวิวแบบไม่มีสปอย และรีวิวตามความจริง รับรองเลยว่าอ่านสนุกแน่นอน ติดตามได้เลยที่ รีวิวหนัง

การปล่อยของใน จอมขมังเวทย์

และสำหรับ Necromancer พลังของนักแสดงต้องยอมรับว่า ตั้งแต่ตัวอย่างหนังเราจะเห็นการ ปล่อยของ ของเหล่านักแสดงไม่ว่ารุ่นใหญ่อย่างพี่นก ฉัตรชัย หรือ พี่นก สินจัย ที่แทบไม่ต้องห่วงเรื่องฝีมือกันแล้ว

แต่ที่น่าจับตามองมาก ๆ คือเหล่านักแสดงรุ่นใหม่จากละครช่อง 3 ทั้ง หมาก ปริญ ที่ต้องยอมรับเลยว่าการแสดงแบบภาพยนตร์ทำให้หมากได้ใช้แอ็กติงที่ลึกกว่าละครได้อย่างน่าชื่นชม

แม้ว่าในภาพรวมคนที่ขโมยซีนหนังทั้งเรื่องกลับตกเป็นของ ก็อต จิรายุ ที่ปล่อยให้ความคลั่งของตัวละครพาเขาไปสุดทางมากกว่า ติดก็แต่ว่าด้วยความโดดเด่นของรูปร่างหน้าตาเลยทำให้ความลับที่หนังต้องการปกปิดกลายเป็นเห็นแว่บแรกก็รู้แล้วว่าคนเดียวกันเท่านั้นเอง

ในส่วนคิตตี ชิชา ก็พิสูจน์แล้วว่าใบหน้าสดไม่อาจทำให้เสน่ห์เธอลดลงได้เลย มิหนำซ้ำยิ่งมองเรากลับหลงรักกระทั่งขี้แมงวันบนหน้าเธอเสียอีก

Necromancer 2020 และส่วนการแสดงและน้ำเสียงที่ดูเป็นตำรวจสาวแกร่งก็เย้ายวนได้แบบไม่น่าเชื่อเลยล่ะ เสียดายก็แต่ แพร์ พิชชาภา พันธุมจินดา สาวสวยมากความสามารถจากช่อง 3 ที่หนังใช้เธอได้ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นัก

รีวิวจอมขมังเวทย์ เรื่องย่อ

และถ้าใครที่ยังไม่รู้ว่าการปล่อยของคือออะไรนั้นมาเดี๊ยวฉันเล่าให้ฟัง พูดง่าย ๆ ก็คือการ ทำพิธีทางไสยศาสตร์ให้ของไปทำร้ายผู้อื่นนั้นเอง

ถ้าจะเอาความหมายตามพจนานุกรมว่าไสยศาสตร์คืออะไรก็เข้าใจไม่ยาก ซึ่งในฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ให้ความหมายว่า คุณไสย คือ อาถรรพณ์ คือ พิธีทำร้ายต่ออมิตร ผู้ที่เป็นศัตรู โดยเสกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เข้าในตัวหรือฝังรูปฝังรอย เรียกกันว่า กระทำคุณไสย ผู้ถูกกระทำ เรียกว่า ถูกคุณไสย

ถ้อยคําศักดิ์สิทธิ์

คำว่า มนต์ คือ ถ้อยคําศักดิ์สิทธิ์ ที่บริกรรมเพื่อให้สําเร็จความประสงค์ เช่น โบราณใช้เวทมนตร์ในการรักษาโรคบางอย่างบางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ คาถา เป็น เวทมนตร์คาถา.

ส่วนคำว่า ดำ คือ เป็นการแบ่งสาย ของการใช้คุณไสยไปในทิศทางต่างๆ ซึ่งพูดรวมๆ แล้วก็แบ่งออกเป็น ๒ ก็คือ สายขาว และสายดำ

รีวิวNecromancer อย่างแรก สายขาว หมายถึง การใช้ไปในทางที่ดี เช่น ช่วยเหลือผู้ที่ถูกกระทำ ป้องกันการกระทำจากผู้อื่น เป็นต้น

อย่างที่สอง สายดำ หมายถึง การใช้คุณไสยไปในทางที่ไม่ดี เช่น ทำร้ายผู้อื่น ให้ได้รับความลำบาก ทั้งทางร่างกายและจิตใจไปต่าง ๆ นา ๆ หรืออาจทำให้เสียสติ และเสียชีวิตได้

คุณไสยที่ให้เห็นใน จอมขมังเวทย์

เรามาพูดถึงทางก้านคุณไสยศาสตร์บ้างว่าในเรื่องนี้ Necromancer เต็มเรื่อง มีประเภทอะไรบ้าง อย่างแรกเลย คือ การควบคุม เป็นคุณไสยในระดับขั้นกลางครับ ที่เราจะเคยได้ยินบ่อยๆ ประเภท เสน่ห์ยาแฝด การฝังรูปฝังรอย การใช้พวกหุ่นดินปั้น เขียนชื่อเหยื่อลงไป จากนั้นก็เสกปล่อยไป ด้วยการเอาไปฝังตามจุดต่างๆ เช่น ป่าช้า หรือทางสามแพร่ง

เป็นวิธีแก้ไข ค่อนข้างจะยาก เพราะต้องตามของที่ทำให้เจอให้ได้ หรือไม่ ก็ทำหุ่นขึ้นมาใหม่ เรียกว่า หุ่นทำคืน โดยทำให้หุ่นเหมือนกัน แต่คืนสภาพเดิม ซึ่งประเภทนี้อาคมจะแรงมาก จะสะท้อนกลับไปยังคนที่ทำคุณไสย การทำหุ่นพวกนี้ ดินที่ใช้ปั้นต้องมีอาถรรพ์ เป็นลักษณะดินโป่ง จาก 7 ป่าช้า

ถ้าเป็นในต่างประเทศ ก็คล้ายๆ กับพวกตุ๊กตาวูดู เป็นการเอารูปของเหยื่อ มาตั้งหน้ากระถางข้าวสาร ปักธูปไว้ แล้วเรียกชื่อเหยื่อแบบซ้ำๆ หรือ ปั้นตุ๊กตา เขียนชื่อเหยื่อลงไปแล้วเรียก อาทิ ถ้าเหยื่อชื่อ คำหล้า ก็เรียก คำหล้า คำหล้า คำหล้า คำหล้า คำหล้า ให้เรียกไปซ้ำ ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องรีบเร่ง ทำได้เป็นระยะ ๆ

จนกว่าเหยื่อจะเริ่มฝันแปลกๆ กระสับกระส่าย เวิ่นเว้อ เหมือนมีใครเรียกตลอดเวลา นั่นหมายความว่า เริ่มผูกจิตกับ คำหล้า ได้แล้ว หลังจากนั้น ก็ใช้เข็มแทงข้าวสาร หรือตัวหุ่น ถ้าแทงตรงไหน คำหล้า ก็จะเจ็บตรงนั้น ลักษณะคล้ายกับตุ๊กตาวูดู

ผงกระดูกผีมหาเสน่ห์

และยังมีอีกลักษณะหนึ่ง คือ ผงกระดูกผีมหาเสน่ห์ จะใช้กระดูกคนตายในวันเฮี้ยนๆ มาทำ เช่น ต้องตายทั้งกลม ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร และเป็นกะโหลกศีรษะ ถึงจะได้ผลแรงจริง ใครโดนเข้าไป ก็จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดถึงแต่คนที่ปล่อยของจนผ่ายผอม

ส่วนประเภทน้ำมันพราย ลักษณะนี้ก็จัดเป็นคุณไสยระดับต่ำ มีทั้งประเภท ยาสั่ง ยาเบื่อ ยาผีบอก จะเป็นคุณไสยระดับต่ำ กว่าเสกหนังสัตว์เข้าท้องเสียอีก เป็นสิ่งที่เข้าไปง่าย แต่ถอนออกยาก

จอมขมังเวทย์ ภาค 2 โดยเฉพาะยาสั่งนั้น เอาถึงกับเสียชีวิตเลยทีเดียว ต้องใช้การถอน ด้วยพระขันธ์ตัด เป็นพระขันธ์ทำจากเขาควายเผือกถูกฟ้าผ่าตาย เอามาตัดคาถาถึงจะได้ ซึ่่งหาไม่ได้ง่าย ๆ ส่วนใหญ่จะสืบทอดกันมา

อย่างที่สอง การป้องกัน เป็นประเภท สักเสกเลขยันต์ หรือห้อยไว้ เพื่อคุ้มกันภยันตรายทั้งหลาย ให้คลาดแคล้ว จากเภทภัยของมีคม และป้องกันพวกของคุณไสยด้วย

เช่น จำพวกห้อย ตะกรุด ที่ทำจากแผ่นโลหะประเภททองแดง ทองเหลือง ดีบุก ตะกั่ว หรือหนังสัตว์ สำหรับตะกรุด ที่เก๋าสุด จะเป็นตะกรุดโสฬส ที่มีถึง 16 ดอก ทำให้อยู่ยงคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า นิยมมากในยุคสมัยออกรบแต่โบราณ

โดยทางปรอท ซึ่งมิใช่ ปรอทวัดไข้ แต่เป็นชื่อของวัตถุลี้ลับในอากาศ เป็นเกราะสายดำ ไว้สำหรับป้องกันภัย ลักษณะเป็นแท่งดำๆ อ่อนๆ ใครอมปรอทไว้ จะเดินหนหายตัวได้ หรือแคล้วคลาด

จอมขมังเวทย์ เต็มเรื่อง จากปืนผาหน้าไม้ ฟันแทงไม่เข้า ส่วนใหญ่มักจะลองของกันทันทีที่ทำพิธีเสร็จ ทุกครั้งที่ปรอทสำแดงเดชจะเห็นเงาดำ ๆ ยืนข้างหลังคนที่มีปรอท เหมือนเป็นสิ่งปกปักอารักษ์คุ้มครอง สำคัญคือ ระหว่างทำพิธี ต้องสยบวิญญาณให้อยู่ ไม่เช่นนั้นปรอทจะดื้อ ใช้งานไม่ค่อยได้ และเป็นภัยต่อตนเอง

และยันต์ ที่มีชื่อมาก คือยันต์เกราะเพชร เป็นการเสกเป่า ไม่ใช่การสัก เวลาเข้าตัวจะขึ้นบนหน้าผากแล้วหายไป คอยคุ้มครองอันตรายจากคุณไสยแรง ๆ หรือป้องกันภัยจากปืนผาหน้าไม้ แม้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยันต์จะยังติดอยู่กับหน้าผาก

การโจมตี เป็นจำพวกหุ่นปั้นพยนต์เสก

อย่างที่สาม คือ การโจมตี เป็นจำพวกหุ่นปั้นพยนต์เสก ที่เรารู้จักก็คือ วัวธนู ควายธนู กุมารทองพราย หรือหุ่นพยนต์ สามอย่างแรกคงคุ้นเคย แต่สำหรับ หุ่นพยนต์ ลักษณะทำจากฟางข้าว ผูกเป็นตัวคน เขียนชื่อเหยื่อแล้วว่าคาถา

ก็ก่อนจะปล่อยมาในคืนเดือนมืด ลักษณะของหุ่นพยนต์ จะเหมือนกับคน สัตว์ เทวดา ยักษ์ ฯลฯ แต่จะเดินทื่อๆ ไร้ชีวิตชีวาเหมือนหุ่นยนต์ แล้วตรงเข้าไปทำร้ายเหยื่ออย่างเดียว ส่วนใหญ่จะผูกไว้เพื่อเฝ้าบ้านได้ เมื่อแขกใครไปมา อาจจะเห็นเหมือนมีใครเดินอยู่ในบ้านอยู่ตลอด

นอกจากใช้ไปโจมตีฝ่ายตรงข้ามแล้ว ยังป้องกันอันตราย จากภูตผีปีศาจมารังควานอีกด้วย สำหรับสายนี้จะใช้งานคุ้ม เหมือนมี ซีเคียวริตี้การ์ดประจำตัว ของจำพวกแบบนี้ถ้าไม่เชื่อ อย่านับถือ และอย่าลบหลู่ นะขอเตือนไว้ก่อน อะไรที่เราไม่รู้ไม่เสี่ยงดีกว่านะ

ฉากแอ็คชั่นใน จอมขมังเวทย์

ฉันขอพูดในด้านฉากแอ็คชัน แม้หนัง จอมขมังเวทย์ภาค 2 pantip  จะดูออกว่าได้ทุนสร้างที่จำกัดจำเขี่ย แต่ต้อม ปิยะพันธุ์ ก็อุตส่าห์ใช้ความครีเอทีฟมานำเสนอมุมมองแอ็กชันใหม่ ๆ ได้อย่างน่าชื่นชม แม้ว่าฉากต่อสู้ประชิดตัวจะใช้การตัดต่อมาช่วยเยอะไปหน่อยจนขาดความดิบอันน่าตื่นเต้น แต่ฉากไสยเวทย์ต่าง ๆ ก็จัดเต็ม

ถึงแม้ว่างานซีจีเราจะสู้ฮอลลีวูดยังไม่ได้แต่ถ้านับจาก ซีจีควายธนู ในหนังภาคแรกแล้วก็ถือว่ามาไกลทีเดียว แถมต้อมยังเหมือนยำใหญ่องค์ประกอบแบบฮอลลีวูดมาจัดให้คนไทยแบบถึงเครื่องโดยเฉพาะสัตว์ไสยเวทย์ที่แทบมีมูฟเมนต์การปรากฏตัวแบบนึกถึง ทรานส์ฟอร์มเมอรส์ ขึ้นมาแบบช่วยไม่ได้เลยหละ

และก็ถือได้ว่าเรื่องนี้ติดเครื่องความตื่นเต้นให้คนดูอย่างรวดเร็ว ด้วยการซัดฉากแอ็คชั่น การต่อสู้ในสไตล์หมัดมวยมือเปล่ากันตั้งแต่ฉากแรก ใส่จุดพลิกผันให้ตัวละครอย่างวินกระโจนเข้าสู่ด้านมืด

แม้ว่าผู้ชมจะไม่ได้เห็นใบหน้าของฆาตกร แต่ด้วยองค์ประกอบแวดล้อมของหนัง Necromance ตัวละคร ก็เอื้อให้คนดูคาดเดาได้ทันทีว่าคนร้ายของเรื่องคือใคร แต่ถึงผู้ชมจะรู้ตัวคนร้ายอยู่แล้ว หนังก็ยังดำเนินต่อไปได้อย่างเปี่ยมอรรถรส

เมื่อเรื่องนี้ได้พาคนดูไปสำรวจความเชื่ออันหลากหลายไม่ว่าจะเป็น แนวคิดของคนรุ่นเก่าที่เชื่อว่า ต่อให้คนเรามีความสามารถด้วยความพยายามมากแค่ไหน

ทาง ไสยศาสตร์ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะผลักดันให้มนุษย์มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น สวนทางกับคนรุ่นใหม่อย่างวิน ที่มองว่าความสำเร็จของคนยุคปัจจุบันคือความมุมานะพยายามด้วยตัวเองเท่านั้น

ฉากแอ็คชั่นใน จอมขมังเวทย์

และทางหนังยังความเชื่อสำหรับคนยุคปัจจุบัน อันว่าด้วยพลังของจักรวาล พลังบวกจากสิ่งรอบตัวและการโอบรับความสุขที่เกิดขึ้น ถูกนำเสนอผ่านองค์กรของครูเมย์ นก สินจัย เปล่งพานิช

ซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาผู้ที่ศรัทธาในแนวคิด เราต้องคิดว่าเราคือสุดยอด แล้วเราก็จะสุดยอด นี่คือกฎของจักรวาล อย่างมากมาย จนนำไปสู่การบูชาเครื่องรางของขลังที่ทำกำไรให้กับองค์กรนี้อย่างมหาศาล

และตัวละครแต่ละตัวในหนังเรื่องนี้ล้วนพัวพันอยู่กับความเชื่อในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อในไสยศาสตร์เพราะต้องการ เหนือกว่า คนอื่น เชื่อในความถูกต้องตามครรลองของกฎหมาย

เพราะในชีวิตมนุษย์ล้วนต้องเคารพในกติกาของสังคม เชื่อในการล้างแค้นเพราะจะนำมาซึ่งความสงบในจิตใจ โดยไม่ว่าตัวละครในหนังเรื่องนี้จะมีแนวคิดแบบไหนก็ตาม พวกเขาใช้มันเป็นแรงผลักดันของชีวิตทั้งสิ้น

นอกเหนือจากประเด็นความเชื่อแล้ว สิ่งที่เราอดพูดถึงไม่ได้เลย นั่นคือการแสดงที่โดดเด่นของ ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล

หรือที่เรียกได้ว่าเขาออกแบบตัวละคร จอมขมังเวทย์ ตัวละคร ก็อด ให้น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า ท่าทาง การเล่นหูเล่นตา หรือน้ำเสียงในการเรียบเรียงประโยค จนเราอาจจะกล่าวได้ว่า เขาเป็นหนึ่งในตัวละครที่น่าจดจำที่สุดจากหนังไทยในปี 2019 เลยก็ว่าได้

รีวิวจอมขมังเวทย์ ด้านมืดของเมืองไทย

ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ จอมขมังเวทย์ นักแสดง อาจจะมองดูเผิน ๆ พล็อตก็พื้นๆ แต่นี่ไม่ใช่หนังตามล้างแค้นทั่วไป ในภาคแรกหนังมีเรื่องราวของการทุจริตในวงการตำรวจ ความสกปรกในจิตใจคน การถลำลึกเข้าไปในวังวนคุณไสยคนเล่นของ จากคนดีกลายเป็นคนเลว กับการต่อสู้ด้วยอาคม

ซึ่งในภาค 2 นี้หนังก็ยังคงพยายามคงเรื่องราวเหล่านี้ไว้อยู่บ้าง แต่ไม่เข้มข้นเท่าภาคแรกเนื่องจากปมของเรื่องราวน้อยกว่ามาก จึงหันไปอัดฉากแอ็กชั่นเข้ามาเรียกว่าเต็มเหนี่ยว มีมาตลอดเรื่องแบบไม่กั๊ก ซึ่งก็ดูมีความแปลกใหม่ด้วยเทคโนโลยี CG ที่ไปไกลกว่าสมัยก่อน

แต่อาจจะเพราะไปไกลกว่านี่แหละทำให้บางคาถาอาคมกลายเป็นดูเกินเลยจนตลกๆ ไปเหมือนกัน ซึ่งในภาคแรกมีความดิบจากการใช้น้อยแต่ได้ผลมากกว่าภาคนี้ที่หนังอัดฉีด CG เข้ามาเต็มเหนี่ยว

แต่กลับดูไม่ขลังเท่าภาคแรก มีหลุดลอยไม่เนี๊ยบอยู่ด้วย แต่ก็ยังถือว่าตื่นตาตื่นใจดีในฐานะหนังไทยแนวนี้ที่หาไม่ได้ง่ายนัก ดูๆ ไปก็เหมือน X Men เวอร์ชั่นไทย ซึ่งก็เข้ากันดีใช้เลย 55555

รีวิวจอมขมังเวทย์ ด้านมืดของเมืองไทย

และหลาย ๆ อย่างในหนังออกมาโอเคดี อาจจะไม่สุดยอดมาก แต่ก็ถือว่ามีความตั้งใจทำสอบผ่านในกลุ่มหนังไทยของปีนี้เลย แต่หนังก็มีข้อเสียจังๆ กับการเล่าเรื่องที่กระโดดไปมาแบบไม่ยอมปูพื้นให้คนดูเข้าใจ

เลยทำให้เรื่องราวไม่ลื่นไหลดีพอ จนบางทีก็แอบงงว่าจู่ ๆ ที่มาโผล่ตรงนี้ต่อกับตรงไหน รวมถึงการที่ตัวละครแต่ละตัวนึกจะมาเจอกันก็มา อย่างกับวาร์ปได้แม้เป็นคนธรรมดา ซึ่งปัญหาพวกนี้อยู่ในหนังแทบทั้งเรื่องจนน่าเสียดาย

และถ้าชอบความแปลกใหม่ของฉากสู้กันด้วยพลังพิเศษแบบไทยๆ ก็แนะนำว่าดู จอมขมังเวทย์ สปอย ได้เลย หนังโชว์ของ โชว์คุณไสยสารพัดวิชามาประเคนไว้ในเรื่องอย่างหนัก ขนาดที่ว่ามีฉากอัดเต็มเหนี่ยวเหมือนฉากจบแล้ว

แต่ก็ยังไม่จบจริง มีสคิปข้ามไปฉากจบอัดกันหนัก ๆ อีกที เป็นหนังที่แทบจะเดินเรื่องด้วยฉากแอ็กชั่นกินเวลาไปมากกว่าครึ่งของความยาวเกือบสองชั่วโมง ซึ่งแทบไม่มีการยืดอืด ๆ เลย

สิ่งที่ชอบในเรื่องนี้ จอมขมังเวทย์

ถ้าทุกคนอยากรู้ว่าฉันชอบอะไรในเรื่องนี้ Necromance สปอย ก็อย่างแรกเลยคือบทบาทของตัวละครที่ทำออกมา ก็รู้สึกแปลกใจกับหนังไทยที่ทำหนังทีไรตัวละครช่างเยอะซะเหลือเกิน ยิบย่อยเยอะแยะ ตัวประกอบหลักก็เยอะ การกระจายบทก็เลยทำให้รู้สึกว่าไม่มีตัวละครแบบนี้ก็ได้ อีกทั้งยังไม่รวม ผู้มีอิทธิพล

ในสื่อโซเชียลมีเดียที่โผล่มาในหนัง มันทำให้รู้สึกว่าหนังไทยใส่ใจกับการแสดงน้อยขนาดไหน เอาใครมาเป็นตัวละครในหนังก็ได้จนกลายเป็นว่าไม่ต้องเรียนการแสดงก็สามารถแสดงหนังได้แล้ว

และขอแค่กล้า บ้า สู้กล้องก็เพียงพอ อีกทั้งบทตัวหลักก็แทบดูกระจอกไปเลยถ้าเทียบกับการเอาตัวละครเก่ามาให้ดูเท่ดูขรึม ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่เอานักแสดงเดิมไปแสดงให้มันรู้แล้วรู้รอดไปก็ไม่ทราบเหมือนกัน

สิ่งที่ชอบในเรื่องนี้ จอมขมังเวทย์

ยังไม่พอนะทาง CG ก็ออกแนวดันทุรัง ดันทุรังคือการที่มันออกมาแย่แต่กลับเอามันเป็นส่วนสำคัญในหนัง ถึงแม้หนังภาคนี้จะห่างจากภาคก่อนถึง 14 ปี แต่ก็ไม่ควรใช้ CG สมัย 14 ปีที่แล้วมาก็ได้

เพราะความขลังมันอยู่ที่ตัวนักแสดงภาคก่อนอยู่แล้ว เมื่อคุณไปทุ่ม CG จนเกินไปเลยทำให้หนัง Necromance นักแสดง นั้นดูออกมาไม่เท่แล้วไม่สมเหตุสมผลเลยสักอย่าง อยากเรียกสัตว์เวทย์มนต์ก็เรียก ปลุกเสกของทุกอย่างได้ที่ทำขึ้นมาเองเลยทำให้หนังมันดูลอย ๆ ไปถ้าเน้นเรื่องมนต์คาถาน่าจะสนุกกว่านี้

โดยภาพรวมแล้ว ถือเป็นหนังไทยที่ให้ความบันเทิงได้ไม่ขี้เหร่เลย บทหนังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าสนใจ แม้ว่าจะมีช่องโหว่ประปรายแต่ก็ทดแทนด้วยฉากแอ็กชันและพลังการแสดงอันเข้มข้น แนะนำอย่างเดียวคือควรดูภาคแรกก่อนเข้าชมจะได้ไม่งงกับตรรกะด้านอาคมในเรื่อง