รีวิวหนัง Fast & Feel Love
เดินทางมาสู่เรื่องที่ 8 กันแล้วสำหรับงานกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวของ เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ผู้กำกับหน้าเดด ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการภาพยนตร์มาอย่างยาวนาน นวพลผ่านทั้งงานเขียนบทและกำกับมามากมาย ซึ่งรางวัลต่าง ๆ ที่นวพลได้รับมาก็สามารถการันตีเลยว่าหนังของเขาจะแตกต่างจากใคร ๆ อย่างแน่นอน ดูได้ที่ ดูหนัง
Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ เล่าถึง ‘เกา’ ชายหนุ่มผู้มีความฝันว่าจะเป็นนักกีฬาสแต็ก (Sport Stacking) อันดับ 1 ของโลก เขาใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทุ่มเทให้กับสแต็กจนไม่เป็นอันทำอะไร
ซึ่งข้างกายของเขานั้นมี ‘เจ’ แฟนสาวที่คอยดูแลทุกอย่างในชีวิตให้เกามาอย่างยาวนาน ประหนึ่งแบทแมนที่ต้องมีอัลเฟรดดูแลอยู่ข้างกายอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่าวันหนึ่งก็เกิดเรื่องราวให้เจต้องเดินออกจากชีวิตเกา ทำให้เขาต้องประสบปัญหาจุกจิกในชีวิตมากมายตามมา เพราะเกาไม่เคยเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตด้วยตนเองเลย เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง
จะเป็นอย่างไรเมื่อชายหนุ่มที่ในชีวิตไม่เคยได้ทำอะไรเอง ต้องเริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่ครั้งใหม่ในวัย 30 นี่คือเรื่องย่อคร่าว ๆ ของ Fast & Feel Love
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์รสชาติใหม่ของเต๋อ นวพลซึ่งยังคงคอนเซ็ปต์เป็นหนังคำคมของเหล่าสายเฮิร์ต ผสมผสานการเปิดโลกกีฬาสแต็ก ที่วัดกันด้วยความเร็วแบบวิต่อวิ และคราวนี้หนังของเขาก็ ’แรง’ ขึ้นกว่าเดิมมากจริง ๆ จนมีสปีดพอ ๆ กับหนังแอ็กชันเลยล่ะ
รีวิวหนัง Fast & Feel Love
หากใครเป็นคอหนังคงปลื้มปริ่มไม่น้อยเพราะทั้งเรื่องนั้นอุดมไปด้วยการล้อภาพยนตร์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งหนังตัวเองหรือคนอื่นก็ตาม ซึ่งนวพลก็ล้อกันแบบจัดเต็ม ชนิดที่ว่าหยิบไดอะล็อกมาใช้แบบไม่ต้องแคร์อะไรทั้งสิ้น ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี
ด้านนักแสดงก็ได้ณัฏฐ์ กิจจริตมารับบทเป็น ‘เกา’ ชายหนุ่มวัย 30 ผู้ไม่รู้จักโต ที่คราวนี้สลัดลุคเด็กอาชีวะจาก ‘4 King’ ออกมาได้อย่างฉีกขาด แถมมีลูกบ้าอันเดือดดาลชนิดที่ว่า นวพลดึงศักยภาพของณัฏฐ์ออกมาใช้ได้อย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว
อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือตัวละครอย่าง ‘เจ’ ซึ่งรับบทโดย ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ผู้สลัดคราบสาวหวานกลายร่างเป็นหญิงแกร่ง Working Woman อย่างเต็มตัว ซึ่งเคมีของทั้งณัฏฐ์และญาญ่าก็เข้าคู่กันได้ดีมาก ชนิดว่าเมื่อ 2 คนนี้เริ่มเปิดฉากต่อทะเลาะกันเมื่อไหร่ สายตาของเราแทบจะถูกสะกดไว้ที่จอหนังเลยล่ะ
อีกหนึ่งคนสุดแย่งซีนที่โผล่มาทีไรก็สะกดคนดูตลอดก็คือแม่บ้านอย่าง ‘เมทัล’ รับบทโดย โปเต้-อนุสรา กอสัมพันธ์ ผู้กำกับจาก Salmon House ซึ่งเดบิวท์งานแสดงครั้งแรกกับเต๋อ นวพล
ในเรื่องนี้ ถือได้ว่าเธอฉายแววโดดเด่นเป็นอย่างมาก เรียกเสียงฮาให้ผู้ชมในโรงไม่ขาดสาย สมกับที่มี DNA ความตลกร้าย จาก Salmon House อยู่ในตัวจริง ๆ ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
และคนที่ออกมาน้อยแต่ต่อยหนักทุกฉากคือ ‘น้องไผ่หลิว’ ซึ่งรับบทโดย น้องเพลง-คีตภัทร ป้องเรือ ตัวละครผู้เป็นอาวุธลับ ที่จะทำให้เกาสามารถเอาชนะการแข่งขันในครั้งนี้ และน้องไผ่หลิวก็เอาอยู่แทบทุกฉาก จนเราก็อยากเห็นเลยว่าอนาคตน้องอาจมีสิทธิ์โตไปเป็นนักแสดงที่เก่งมาก ๆ ได้เลย
แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะมีความฉีกจากแนวเดิมที่นวพลเคยทำมา แต่หนังก็ยังคง DNA ความเป็นนวพลไว้อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องราวของการเติบโตของชีวิตและความสัมพันธ์ที่เป็นดั่งแก้วอันเปราะบาง เพราะเมื่อไหร่ที่มันแตกสลาย ก็จะไม่มีวันกลับไปเป็นแก้วได้ดังเดิมอีก
รวมไปถึงเรื่องราวความหลังสุดบีบหัวใจ ที่นวพลได้ซ่อนการจิกกัดสังคมไทยไว้ภายใต้ความเป็น ‘หนังกวนส้นตีน’ ของเขา ซึ่งสะท้อนมุมมองให้เราต้องฉุกคิดอยู่ตลอด ที่แม้ว่าโลกของเราในยุคนี้จะเร็วเพียงใด แต่กรอบบางอย่างก็ยังคงถูกฝังรากไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
อีกประเด็นที่หนังยังเน้นคงเน้นหนักคือ การทำให้ตัวละครอย่างเกากลายเป็นตัวละครที่ Coming of Age ในวัย 30 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของอีโก้ผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง จนวันหนึ่งอีโก้เหล่านั้นจะทำลายตัวเขาเองในที่สุด เกาจึงเป็นภาพสะท้อนของการยอมรับตัวตนว่า Coming of Age นั้นไม่ใช่เพียงแค่การเป็นผู้ใหญ่เพราะวัย แต่คือการก้าวพ้นตัวตนเก่า ยอมรับความผิดพลาด ใช้ประสบการณ์ น้ำตา และความเจ็บปวด บ่มเพาะให้เติบโตเป็นคนที่ดีกว่าเดิม
รีวิวจากผู้ชม
ว่า Fast & Feel Love เป็นหนังที่มีความเฉพาะตัวสูงมาก คือ จะบอกว่ามันโดดเด่น เล่นได้แบบนี้กับแค่หนังเรื่องนี้ มันก็เป็นเพราะหนังเรื่องนี้เลือกปูสีสันและวิธีเล่าของหนังไว้แบบนี้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มีความล้อเลียนหนังเยอะไปหมด จนยากที่จะบอกได้ว่านี่คือประโยคคำคมที่มาจากหนังเรื่องนี้นะ ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์
เพราะมันมีการร้อยเรียง และล้อเลียนไปควบคู่กัน ไปบนเนื้อหาที่ธรรมดา ๆ แต่โคตรตลกกับสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาให้ได้ชมกัน ถ้าให้เปรียบเทียบความใกล้เคียงเรื่องวิธีการเล่า ผมคงเปรียบเทียบกับหนังโฆษณากวน ๆ หลาย ๆ ตัวของ Salmon House แต่เป็นแบบหนังยาว แต่ถ้าเทียบกับหนังด้วยกัน มันจะมีความกวนแบบ Freelance ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ แต่ไม่ได้ขายความดราม่าอะไรเลย เพราะแม้แต่ซีนดราม่าของหนังเรื่องนี้ ก็ยังเล่าให้มีความสนุกและกวนแบบสุด ๆ ได้
โดยภาพรวม Fast & Feel Love เป็นหนังที่ผมชอบมากในหลาย ๆ จุด โดยสิ่งที่ชอบสุดคือชั้นเชิงของการเล่าเรื่องที่ทำได้มีสีสัน ล้อเลียน เสียดสี หลายสิ่งหลายอย่าง และทำให้มันตลกได้ แม้ว่าหนังจะสอดแทรกประเด็นดราม่าในชีวิตของคู่รักอย่าง เกา และ เจ ที่แม้จะดูเป็นเรื่องธรรมดา ๆ แต่มันมีความน่าสนใจตรงที่ ความธรรมดาในหนังเรื่องนี้ ล้วนถูกบอกเล่าในแบบไม่ธรรมดาเลย
หลังดูจบทำให้คิดได้ว่า บางครั้งชีวิตคนเรา ต้องการชื่อเสียง ความสำเร็จ เงินทอง และเพื่อให้ได้มันมา เราต้องโฟกัสจุดมุ่งหมายมากๆ แต่บางครั้งมันก็อาจจะทำให้เรา ลืมโฟกัส คนสำคัญข้างกายเราไปอย่างน่าเสียดาย…
สุดท้ายโอ๋อยากชวนคนไทย ช่วยกันสนับสนุน หนังไทยกันเยอะๆ ในโรงภาพยนตร์ เพราะมันเป็นช่องทางในการเป็นกำลังใจ ให้ผู้กำกับ และทีมงาน
ให้ผลิตหนังดีๆ ในอนาคตออกมาอีก
เจกับเกาตัดสินใจซื้อบ้านหลังงามที่มีทุกสิ่งอย่างครบครันร่วมกัน แต่ทั้งคู่ต่างมองความหมายของบ้านหลังนี้กันไปคนละอย่าง เกามองว่ามันเป็นสถานที่ที่เหมาะเจาะสำหรับการฝึกซ้อม ส่วนเจกลับมองว่ามันเป็นสถานที่ที่เหมาะเหม็งสำหรับการสร้างครอบครัว และเลี้ยงดูลูกในอนาคต
เมื่อคุณค่าความสำคัญของบ้านเป็นคนละอย่าง ทั้งคู่จึงไม่มีวันที่จะใช้ชีวิตไปด้วยกันได้อย่างสอดประสาน เพราะมันทำให้ฝ่ายชายมองฝ่ายหญิงเป็นเพียง ‘ผู้ช่วย’ ที่จะพาเขาไปสร้างสถิติใหม่ๆ และทำให้ฝ่ายหญิงมองฝ่ายชายเป็นถึง ‘ว่าที่สามี’ ที่จะพาเธอไปสู่การเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม
มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะยึดเป้าหมายของตัวเองเอาไว้ในใจ และเผลอทำร้ายกันไปตลอดทั้งเรื่อง ภายในบ้านที่น่าจะเป็นสัญลักษณ์ของการเติบใหญ่ตามมาตรฐานของสังคม – มาตรฐานที่ตัวละครทั้งสองยังไม่สามารถฝ่าฟันไปได้ไม่ถึงตามเป้าอันสวยหรู แม้อายุของพวกเขาจะก้าวสู่เลขสามแล้วก็ตาม
สรุป หนังเรื่องนี้มีฉากท้ายเครดิตแถมเล็กน้อยนะครับ สำหรับคนที่ชอบหนังเรื่องนี้แล้ว ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้มีฉากตอนท้ายที่คุ้มค่ากับการนั่งรอนะ แม้มันจะเป็นฉากที่เล็กน้อยจริง ๆ ก็ตามครับ เอาเป็นว่าโดยรวมแล้ว ก็ยังครุ่นคิดอยู่ไม่ตกเลยว่า Fast and Feel Love เรื่องนี้ ควรจะรู้สึก ชอบ หรือ ไม่ชอบ ดีกันแน่?
เพราะหนังก็ไม่ใช่ว่าจะดีเลิศสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรเลยแม้แต่น้อย มันอาจจะเป็นหนังดราม่าแนวใหม่ที่เต็มไปด้วยสีสันประหลาด ๆ ที่แน่นอนว่าเข้าถึงยากมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย แม้ว่าหลังจากดูหนังจบลงไปแล้วจะไม่ค่อยรู้สึกผูกพันกับตัวหนังสักเท่าไหร่ แต่ก็นับว่าเป็นความแปลกใหม่ที่ประหลาดดีในแวดวงหนังไทยดีเหมือนกันนะ ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง