รีวิว Black Water : Abyss

เนี่ยว่าเคยมีหนังไอ้เข้สัญชาติออสเตรเลียเรื่อง Black Water ออกมาเมื่อปี 2007 ก็จำคร่าว ๆ ได้ว่าเป็นหนังไอ้เข้ที่ได้ลุ้นพอตัวเหมือนกัน เล่นกับสูตรสำเร็จ กลุ่มคนติดกับบนต้นไม้ในป่าโกงกาง มีฝูงไอ้เข้ว่ายวนรองับเหยื่อ ทิ้งช่วงห่างมา 13 ปี ผู้กำกับ แอนดรูว์ ทรัคกิ กลับมาสานต่อภาค 2 แบบฉายเดี่ยว ไม่มี เดวิด เนอร์ลิช คู่หูที่เคยร่วมกำกับภาคแรก ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

หนังทุนต่ำที่มักจะไม่ใช้บริการดารามีชื่อ รอบนี้ใช้นักแสดงนำ 5 คน ไม่คุ้นหน้าเลยสักคนเดียว วางพลอตเรื่องง่าย ๆ เป็นกลุ่มเพื่อน 5 คน ที่ไปร่วมผจญภัยกันสำรวจถ้ำลึกลับในป่า เพราะ แคช หนึ่งในกลุ่มเพื่อนทำงานเป็นทีมกู้ภัยแล้วไปเจอถ้ำนี้เข้าขณะที่ตามหานักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่หลงทาง

แล้ววาดฝันสวยหรูว่าจะเปิดถ้ำนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันซีน ( ได้ด้วยเหรอ) สมาชิกที่เหลือ 4 คนเป็น 2 คู่ผัวเมีย เอริก- เจน กับ วิกเตอร์-โยลันดา ด้วยความยาวมาตรฐานของหนังสยองขวัญที่ 1 ชั่วโมง 38 นาที หนังเลยไม่มีเวลาให้แม้แต่จะแนะนำภูมิหลังของตัวละครทั้งหมด

แนะนำตัวละครไม่นานทั้ง 5 ก็โรยตัวมาอยู่ในถ้ำแล้ว ก็มุดตามซอกตามหลืบจนมาเจอโถงใหญ่ พื้นที่ตรงกลางเป็นแอ่งน้ำใหญ่ มีพื้นที่แคบ ๆ ตามผนังถ้ำพอให้ยืนพักกันได้บ้าง ไม่นานจากนั้นน้ำป่าก็ไหลหลากเข้ามาในถ้ำ ปิดทางที่ทั้ง 5 เข้ามา เหตุเพราะข้างนอกเกิดพายุฝน และนี่คือจุดเริ่มต้นเหตุระทึกเมื่อไอ้เข้โหดดุปรากฏตัวขึ้น ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

 

 

จากนั้นก็เข้าสูตรสำเร็จหนังระทึกขวัญ เหยื่อติดกับอยู่ในสถานที่ปิดตาย และสถานการณ์บีบคั้นขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อระดับน้ำค่อย ๆ สูงขึ้น นั่นเท่ากับจุดจบของทั้ง 5 ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา

ในส่วนของ Black Water : Abyss ไม่ได้มีความแปลกใหม่ใด ๆ เลย จะว่าไปพลอตเรื่องก็เหมือนกับ 47 Meters Down: Uncaged เมื่อปีที่แล้วอย่างมาก เหตุการณ์เกิดในถ้ำเหมือนกัน บรรดาเหยื่อติดกับเหมือนกัน ต่างกันแค่เปลี่ยนจากฉลามมาเป็นจระเข้เท่านั้น แต่ถ้าพิจารณาในด้านหนังสยองขวัญลุ้นระทึก หนังก็ตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยม

เรียกว่าถ้าเป็นข้อสอบสูตรสำเร็จของหนังสยองขวัญก็ถือว่าเป็นรายที่ทำคะแนนได้ดีเลย องค์ประกอบต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดขึ้นมานั้นล้วนเอื้อประโยชน์ให้กับอารมณ์หนัง โดยเฉพาะบรรยากาศแวดล้อมที่เป็นถ้ำเงียบ ๆ น้ำมืด ๆ ดำ ๆ ตามชื่อเรื่องที่แค่เห็นก็ดูน่ากลัวแล้ว ทัศนวิสัยถูกบีบบังคับให้มองเห็นแค่วงแสงสว่างแคบ ๆ จากไฟฉาย เราก็มองตามแสงไฟโดยไม่รู้ว่าไอ้เข้จะโผล่มาให้สะดุ้งเอาตอนไหน

แน่ชัดว่าบทหนังต้องใส่สถานการณ์บีบคั้นเข้ามาเรื่อย ๆ ตัวละครรายหนึ่งจะต้องมีปัญหาสุขภาพ ปัญหาผิดใจกันระหว่างเพื่อนในกลุ่ม หนังโยนความหวังมาให้ ด้วยการพบช่องทางรอดออกสู่โลกภายนอกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ไปเรื่อย ๆ ทำให้หนังเดินหน้าไปอย่างน่าติดตาม แต่ละคนค่อย ๆ กลายเป็นเหยื่อของไอ้เข้ ก็ต้องลุ้นกันละว่า สุดท้ายแล้วบทหนังจะเลือกให้มีใครรอดหรือไม่

รีวิว Black Water : Abyss

ซึ่งความที่เป็นหนังทุนต่ำ ทำให้งบทางด้านซีจีย่อมจำกัด ไอ้เข้ก็เลยไม่ได้โผล่มาให้เห็นเต็มตัวชัด ๆ นัก ส่วนใหญ่ก็เห็นแค่หัวกับหลังว่ายไปว่ายมาในน้ำนั่นแหละ มี 2 – 3 ครั้งได้ที่พุ่งออกมาจากผืนน้ำเงียบ ๆ เข้าใส่เหยื่อ อันนี้ได้ผลโคตร ๆ ครับ ดูหนังแบบนี้ต้องได้สะดุ้งแล้วก็เป็นการสะดุ้งได้สุดตัวเลย ก็ต้องชื่นชมว่าหนังไม่ได้โชว์ไอ้เข้แบบพร่ำเพรื่อ มาน้อยแต่มาแล้วได้ผลจริง ดนตรีประกอบก็มีไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะปล่อยให้ลุ้นกันเงียบ ๆ ทำให้บรรยากาศโดยรวมกดดันอย่างมาก อย่าลืมไปรับชมที่ดูหนังฟรี

 

 

ความรู้สึกว่าน่ากลัวนี่ ก็น่ากลัวด้วยบรรยากาศรายรอบของหนังที่ร่วมกันบิลด์เข้ามา หาใช่ความน่ากลัวจากตัวไอ้เข้ ซึ่งความที่เราต่างรับรู้ถึงความดุร้ายของไอ้เข้ก็เป็นความรู้สึกสามัญพื้นฐานให้เราสร้างความกลัวขึ้นมาเองได้แล้ว แต่ไอ้เข้ในหนังนั่นเราแทบไม่ได้เห็นตัวมันเต็ม ๆ ชัด ๆ เลย จะว่ามันน่ากลัวเพราะภาพลักษณ์ก็ไม่ได้ เพราะนอกจากหนังจะไม่ปูพื้นฐานของตัวละครให้เรารู้จักแล้ว ไอ้เข้ตัวร้ายของเรื่องนั้น เราก็แทบไม่ได้รู้จักด้วยว่ามันมีกิตติศัพท์ความดุร้ายมาก่อนหรือไม่ มาอยู่ในถ้ำนี้ได้อย่างไร มันใหญ่กว่าปกติไหม เอาเป็นว่าดูจนจบแล้วยังไม่รู้ว่ามันมีกี่ตัวเลยด้วยซ้ำ

หนังไม่ค่อยเน้นขายฉากอี๋แหยะ ไม่มีศพน่าเกลียดให้เห็น มีให้เห็นแค่ฉากเหยื่อดิ้นทุรนทุรายอยู่ในน้ำเท่านั้น แล้วน้ำก็เป็นสีแดง มีความพยายามโชว์แผลที่ถูกไอ้เข้กัด แต่ตรงนี้ต้องหักคะแนน แผลดูไม่สมจริงและไม่ชวนหวาดเสียวเท่าที่ควรนัก
คุณภาพของ Black Water : Abyss ยังห่างจากภาคแรก แล้วก็ไม่ใช่หนังที่น่าจดจำนัก ดูแล้วก็ลืม ๆ ไปได้ แต่สำหรับคอหนังสยองขวัญนี่คือหนังทุนต่ำที่ตอบโจทย์ได้ดี ได้ลุ้น ได้สะดุ้ง ได้กรี๊ดดัง ๆ แน่นอน ถ้าใครคิดถึงบรรยากาศการได้ดูหนังสยองขวัญในโรงที่ห่างหายไปนานตั้งแต่ก่อนโควิด-19 Black Water : Abyss คือหนังที่เราจะพาคอหนังกลับไปเจอกับบรรยากาศเดิม ๆ ที่ได้ร่วมลุ้นระทึกกันไปยาว ๆ ตลอด 1 ชั่วโมงครึ่ง

รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก

อะไรดลใจให้ฉันเห็น ‘Black Water’ ตั้งแต่แรก? นักแสดงที่น่ารักพอสมควร เรื่องราวที่น่าสนใจ และเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่สำเร็จลุล่วงด้วยงบประมาณต่ำของฉัน และโผล่ขึ้นมาในส่วนที่แนะนำสำหรับคุณ ค่อนข้างวิตกกังวลด้วยคะแนนน้อยกว่าที่น่าพอใจและบทวิจารณ์โดยทั่วไปที่ไม่อุ่นเท่าที่ควร ‘น้ำดำ’ เมื่อตรวจสอบออก คงจะแย่กว่านี้อีกแน่นอน มีภาพยนตร์ที่แย่กว่านั้นเกี่ยวกับประเภทและโดยรวม มันเป็นหนังที่ดีหรือไม่? ไม่ได้ใกล้เคียง. มันใช้ศักยภาพของมันหรือไม่? ไม่ มันแย่ขนาดนั้นเหรอ? ไม่ค่อยเท่าไหร่ มันมีคุณสมบัติการไถ่หรือไม่? ใช่ ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

 

รีวิว Black Water : Abyss

 

แต่ไม่มาก สำหรับฉันในขณะที่ได้เรียนรู้ว่าจะไม่เชื่อถือการให้คะแนนและไม่ต้องกังวลกับการต่อต้านธัญพืช (แม้ว่าจะเป็นชนกลุ่มน้อยที่นี่ที่เคารพความคิดเห็นของนักวิจารณ์และมีแนวโน้มที่จะอยู่ในหน้าเดียวกันหรือสูงกว่าหรือต่ำกว่าเล็กน้อย) การให้คะแนน เป็นเรื่องที่ถูกต้องและต้องเห็นด้วยกับการวิพากษ์วิจารณ์ที่นี่ Dolph Lundgren สนุกกับการชมและเหตุผลหลักว่าทำไม ‘Black Water’ ไม่ได้แย่ไปกว่านั้น Lundgren เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในภาพยนตร์ เรื่องราวบางเรื่องทึ่งกับการเริ่มต้นที่สดใสและดนตรีในขณะที่อย่างน้อยก็ไม่น่าจดจำที่สุดก็สามารถฟังได้

น่าเสียดายที่ Jean Claude Van Damme ดูเหนื่อยล้าและเคลื่อนไหว เขาไม่ได้สนใจเลยหรือดูเหมือนเขาอยากอยู่ที่นั่น ไม่มีตัวละครใดที่ได้รับการพัฒนาเพียงพอและยากต่อการถูกตามล่า ‘Black Water’ ดูถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดต่อที่แย่และบางครั้งก็ไม่สามารถเข้าใจได้ และเอฟเฟกต์ภาพที่น่ากลัวอย่างร้ายแรง มันดูปลอมและไม่กลมกลืนกับฉากเลย

แอ็คชั่นทั้งน่าเบื่อและโกลาหล ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นและออกแบบท่าเต้นโดยไม่มีความกระตือรือร้นหรือกลเม็ดเด็ดพราย สคริปต์นั้นช่างพูดเกินไปและไม่ตึงเครียด จังหวะนั้นค่อนข้างหย่อนยานและเรื่องราวก็ซับซ้อนเกินไปโดยที่ส่วนบิดเบี้ยวไม่น่าแปลกใจมากนัก ทิศทางดูเหมือนบ่งบอกถึงการขาดประสบการณ์หรือความสะดวก โดยรวมแล้วไม่น่ากลัวแต่ขาดอย่างแรงในหลายพื้นที่ 3/10 เบธานี ค็อกซ์

BLACK WATER เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์บีที่ร่วมทีมกันระหว่างนักแสดงแอ็กชัน Jean-Claude Van Damme และ Dolph Lundgren แม้ว่าคนหลังจะขาดแคลนและมีเวลาอยู่หน้าจอเพียง 15 นาทีเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นยานพาหนะของ Van Damme เนื่องจากฮีโร่วัยสูงอายุพบว่าตัวเองถูกคนร้ายทรยศและจับตัวและถูกพาขึ้นเรือดำน้ำ

 

รีวิว Black Water : Abyss

 

ซึ่งเขาต้องหาทางเอาชนะพวกเขาให้ได้ เป็นความพยายามที่ประหยัดและร่าเริง ซึ่งมีแผนงานมากกว่าที่คุณคาดหวัง แม้ว่าจะมีการกระทำที่พอเหมาะพอดีก็ตาม การออกแบบท่าเต้นนั้นต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ Van Damme ให้การแสดงที่เป็นที่ชื่นชอบ และยังมีผลตอบรับที่ชัดเจนจากนักแสดงร่วมที่ไม่รู้จักด้วยเช่นกัน แทบไม่น่าเชื่อ แต่ดีกว่า ESCAPE PLAN 2: HADES อย่างแน่นอน

Jean-Claude Van Damme ถูกคุมขังในเรือดำน้ำฮอลลีวูดที่มีไฟล์สุภาษิตที่เจ้านายของเขาต้องการ Dolph Lundgren ยังถูกคุมขังที่นั่นด้วยบทบาทที่มากกว่าที่เขาเคยมีในภาพยนตร์เรื่อง “Altitude” เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่คือเรือดำน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าด้านในมากเมื่อเทียบกับภายนอก หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘Dave Made a Maze” ไม่มีผนังกั้นใด ๆ ที่มีส่วนโค้ง พวกเขายิงกระสุนจำนวนมากเข้าไป

ฉันไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นกำลังของเรือดำน้ำ แต่ ฉันไม่คิดว่าพวกเขามีที่ว่างสำหรับการขับเคลื่อนใด ๆ เพราะมันเต็มไปด้วยความคิดโบราณที่ไม่ดีและบทสนทนาที่ไม่ดี ตอนนี้เมื่อเรือดำน้ำ “ขึ้นน้ำ” เสียงเตือนการชนก็จะดังขึ้น (ฉันไม่แน่ใจว่ามันอยู่ในหนังเรื่องอะไร) และหน่วยย่อยจะทำหน้าที่ฉุกเฉิน ไม่รอจนกว่าน้ำท่วมจะหยุด ความลึกที่น้อยลงหมายถึงแรงดันน้ำภายนอกที่น้อยลงและน้ำท่วมน้อยลง ฟิสิกส์ 101. ฮีโร่ของเราต่อสู้กับแก๊งที่ไม่ยิงตรง แม้ในระยะประชิดด้วยกระสุนไม่กระเด็นออกจากกำแพงเหล็ก คู่มือ: F-word. เพศโดยนัย. ภาพเปลือยสั้น ๆ ไม่มีรอยแยก

 

 

หากคุณติดตาม Van Damme หรือ Lundgren มาบ้าง คุณอาจเป็นแฟนตัวยงของผลงานของพวกเขา นี่เป็นยานพาหนะของ Van Damme มากกว่า Dolph นั่งเอนหลังได้อย่างสบายใจ (เขายังคงมีส่วนร่วมและมีฉากที่ดีอยู่บ้าง เมื่อคำนึงถึงสิ่งนั้นและความจริงที่ว่าคุณรู้ว่าพวกเขาแก่แล้ว อย่าคาดหวังว่านี่จะเป็นหนังแอ็คชั่นที่ฉายเดี่ยว มันไม่ใช่! นี่เป็นภาพยนตร์แอ็กชันที่ดีที่มีจุดหักมุมที่ค่อนข้างบ้าและฉันพูดได้ว่าไม่สมเหตุสมผล แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม นอกจากนั้นมันค่อนข้างตรงไปตรงมา ดีพอ แต่อาจไม่ใช่เทศกาลที่หลายคนอาจคาดหวังจากนักแสดงสองคนที่แนบมาด้วย

สำหรับหนังเรื่องนี้ อยากลุ้นได้ลุ้น อยากสะดุ้งได้สะดุ้ง ไอ้เข้มาไม่บ่อย แต่โผล่มาแล้วได้ผลสร้างบรรยากาศลุ้นระทึกได้โดยไม่ต้องมีฉากอี๋แหยะ เดินตามสูตรสำเร็จ แต่ก็ยังทำให้หนังดูสนุก ชวนติดตาม ถ้าใส่ภูมิหลังของตัวละครสักนิด จะได้ร่วมลุ้นกว่านี้ พลอตเรื่องใกล้เคียง 47 Meter Down : Uncaged เกินไป สามารถติดตามการรีวิวของเรา่ได้ ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง