รีวิว The Eight Hundred นักรบ 800

เรื่องมีอยู่ว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้เข้ายึดเซี่ยงไฮ้ โดยที่มีกองกำลังของจีนชื่อว่า กองกำลังปฏิวัติแห่งชาติที่ 88 ที่คอยต่อสู้และปกป้องคลังสินค้า ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายขณะที่มีกองกำลังเพียง 400 คน แต่ได้วางแผนหลอกล่อกองทัพญี่ปุ่นว่ามีกองกำลังถึง 800 คน และยังได้รับความช่วยเหลือจากประชาชนชาวจีนอย่างลับๆ อีกด้วย  ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

ขณะที่กองทัพญี่ปุ่นก็พยายามทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถเข้ายึดโกดังคลังสินค้าได้ กองกำลังปฏิวัติที่ 88 ก็สามารถยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่กลัวตาย ในการรบครั้งนี้ได้ทำการรบกันถึง 4 วัน 4 คืน จนได้รับการยกย่องและบันทึกจากประชาชนชาวจีนว่าเป็นวีรกรรมการต่อสู้ที่กล้าหาญยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของ กองกำลังปฏิวัติที่ 88

ซึ่งถึงแม้ว่าหน้าหนังของหนังสงครามที่อ้างอิงประวัติศาสตร์จีนเรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยมีกระแสมากนักในบ้านเรา แถมพอชื่อหนังมีตัวเลข 800 ห้อยท้าย ก็พาลให้นึกถึงภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ที่ว่าด้วยสงครามที่เปรียบต่างเกี่ยวกับจำนวนทหารเหมือนกัน (แต่โบราณกว่า) อย่างเรื่อง 300 (2007) ไปเสียอีกแน่ะ

สิ่งที่อยากจะบอกเลยครับว่า หนังสงครามจีนฟอร์มยักษ์อย่าง The Eight Hundred เรื่องนี้ เป็นหนังจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่สามารถทำปรากฏการณ์ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ด้วยการถล่ม Box Office ทำรายได้ถล่มทลายมากที่สุดในโลกคือ 425 ล้านเหรียญฯ เอาชนะแชมป์เก่าที่ครองอันดับหนึ่งมานานหลายเดือนอย่าง Bad Boy For Life (2020)

ที่ครองแชมป์ด้วยรายได้ 424 ล้านเหรียญฯ หลังครองแชมป์มานานหลายเดือน ขนาดว่าหนังเรื่องนี้ออกฉายสัปดาห์เดียวกับหนังยักษ์ของเสด็จพ่อโนแลนอย่าง TENET (2020) หนังสงครามเรื่องนี้ก็ยังทำรายได้สัปดาห์แรกไปที่ 69 ล้านเหรียญ แซงหนังเสด็จพ่อที่ทำรายได้สัปดาห์แรกไปที่ 53 ล้านเหรียญ

อีกจุดที่มีความน่าสนใจของภาพยนตร์จีนฟอร์มยักษ์ทุนสร้าง 80 ล้านเหรียญเรื่องนี้ก็คือ เมื่อปีที่แล้ว หนังเรื่องนี้ได้รับเลือกให้ฉายในเทศกาลหนังเซียงไฮ้นานาชาติเมื่อมิถุนายนปีที่แล้วครับ แต่อยู่ดี ๆ หนังเรื่องนี้ดันถูกถอดจากโพรแกรมฉาย 1 วันก่อนเปิดเทศกาล กำหนดการฉายโรงในจีนตามปกติก็พลอยถูกถอดตามไปด้วย (ซึ่งถ้าถามว่าใครถอด แล้วถอดทำไม อันนี้ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจละกันนะครับ) เรียกว่าเป็นหนังสงครามที่เคย (เกือบ) ไม่ได้ฉายในจีนเลยก็ว่าได้  ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

 

 

มีอีกหนึ่งแง่มุมที่ผมว่าเป็นจุดที่มีความน่าสนใจมาก ๆ ของหนังเรื่องนี้ นอกจากการสะท้อนภาพชีวิตท่ามกลางสมรภูมิสงครามของทหาร 400 กว่านาย (ทหารจีนใช้แผนหลอกล่อว่ากองทัพจีนมีอยู่ 800 นาย) ที่สู้รบและอาศัยอยู่ในโกดัง สี่ห้าง (Si Hang) ที่ยิ่งสู้รบ ยิ่งวางกำลังต่อต้าน ยิ่งใช้ยุทธวิธีมากแค่ไหน จะใช้วิธีบ้าบิ่นหรือลึกล้ำสักแค่ไหน

ก็ต้องแตกพ่ายอย่างยับเยินให้กับกองทัพญี่ปุ่นที่มีแสนยานุภาพทางการทหารเหนือกว่าในทุกด้าน แถมทหารญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อเรื่องของความโหดเหี้ยมและยอมพลีชีพเพื่อพระจักรพรรดิ์อีกต่างหาก กำลังพลที่ว่ามีน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ยิ่งสู้รบก็ยิ่งแต่จะมีแต่ตายกับตาย

และอีกจุดที่ผมว่าโครตเจ๋งก็คือการสะท้อนภาพวิถีชีวิตและเรื่องราวของชาวเซี่ยงไฮ้ ทั้งทหารและพลเรือนที่อพยพข้ามไปอยู่ในอีกฝั่งของแม่น้ำ ที่สามารถสะท้อนภาพความคิดของผู้คนในยามศึกสงครามได้ดีมาก ๆ ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นภาพอันแสนหดหู่ของทหารที่ประจำการอยู่ที่ฝั่งฐานทัพที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง

ซากศพทหารทั้งสองฝ่ายที่ถูกนำเอามากองรวมกัน ทหารที่ยังอยู่ รวมถึงนายทหารหนีทัพที่ถูกจับได้ก็ต้องอาศัยอยู่ด้วยความกลัว ไม่อยากจะร่วมรบ แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนเป่า

 

รีวิว The Eight Hundred นักรบ 800

 

ส่วนผู้ที่อพยพมาจากหลายชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกันอยู่ที่อีกฝั่งของแม่น้ำ กลายเป็นประชาชนที่ติดตามเฝ้าดูสงครามอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะทำอะไร ภาพที่เราจะได้เห็นคือ ภาพอันสวยงามของเมืองอันศิวิไลซ์ในยุค 30’s ที่เต็มไปด้วยความปกติสุขสำราญ ผู้คนซื้อของ จ่ายตลาด ดูงิ้ว เล่นกาสิโน ชาวต่างชาติที่ถ่ายภาพ

รีวิว The Eight Hundred นักรบ 800

และเฝ้าทำข่าวสงครามบนเหล่าเต๊ง และเมื่อยามที่เกิดสงครามขึ้นอีกฝั่ง ประชาชนก็แห่กันมายืนดูเหมือนราวกับว่ากำลังยืนดูหนังหรือละครสงครามเรื่องหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น เรียกได้ว่านี่เป็นภาพสะท้อนของ “คนหน่ายสงคราม” ได้อย่างเจ็บแสบจริง ๆ  อย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

หนังเรื่องนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าจะเป็นหนังสงครามที่สะท้อนภาพความรุนเเรงของสงคราม (ในมุมมองของทหาร) ได้อย่างเต็มสตรีมเลยครับ เพราะตลอดทั้งเรื่อง เราจะได้เห็นภาพการรบราฆ่าฟันกันแบบชนิดที่ว่าคอสงครามคงไม่น่าจะผิดหวัง เพราะสู้รบกันแบบจัดเต็มจริง ๆ ครับ

ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นภาพศึกสงครามที่โหดร้ายชนิดว่าโดนยิงกบาล โดนระเบิดร่างแยกบ้างละ มีฉากที่ทหารญี่ปุ่นพลีชีพด้วยการระเบิดตัวเอง โดนยิงนิ้วขาด แก้มทะลุ มือขาดบ้างละ โดนแรงระเบิดจนทำให้เศษกระจกทะลุหน้าบ้างละ เรียกว่าเป็นหนังสงครามที่อาจไม่ค่อยเหมาะกับน้อง ๆ หนู ๆ และคนขวัญอ่อนอย่างแรงเลยล่ะครับ

รวมถึงการสะท้อนภาพของผู้คนในสภาวะสงครามที่โดนผลกระทบจากสงคราม ที่มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันต่อสิ่งที่เรียกว่า “สงคราม” ไม่ว่าจะเป็นการร่วมสงครามของทหาร การหนีทัพ คนที่อยู่อย่างสุขสบาย คนที่หากินกับสงคราม คนที่เฝ้าสังเกตการณ์ คนที่มีใจรักชาติและพร้อมจะสละชีพเพื่อปกป้องชาติและคนในชาติ รวมถึงคนที่แม้ว่าจะไม่ได้ร่วมรบ แต่ก็พยายามที่จะช่วยเหลือในทุก ๆ ทางเพื่อที่จะสนับสนุนเหล่าทหารในการปกป้องชาติด้วย

 

รีวิว The Eight Hundred นักรบ 800

 

แต่ไม่ว่าหนังเรื่องนี้จะมีภาพที่มีความโหดร้ายรุงเเรงอย่างไร แต่สิ่งที่เข้ามาทำให้หนังสงครามเรื่องนี้กลมกล่อมก็คืองานด้านภาพครับ แม้ว่าจะเป็นหนังจีน แต่ก็ต้องบอกว่า งานด้านโปรดักชันและเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ถือว่าอยู่ในระดับที่สูสีกับหนังฮอลลีวูดได้อย่างสบาย ๆ เลยครับ

และด้วยความที่หนังเรื่องนี้เป็นหนังจีนเรื่องแรกที่ถ่ายทำด้วยระบบ IMAX ก็ต้องเรียกได้ว่าไม่เสียของ เพราะงานด้านภาพก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่า ทั้งสวยงาม และดุเดือดเลือดพล่านสมกับเป็นหนังสงคราม ทั้งหมดนี้ทำให้เราคนดูสามารถทะลุเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง เสมือนเข้าไปอยู่ในโกดังสี่ห้าง เข้าไปร่วมรบ ร่วมหดหู่ หน่วง สิ้นหวัง ไปด้วยพร้อม ๆ กัน

ส่วนข้อที่น่าสังเกตจริง ๆ ของหนังเรื่องนี้คือ อย่างที่ผมเกริ่นไว้ว่านี่คือหนังสงครามเต็มขั้น สิ่งที่ผมรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่หนังเรื่องนี้ยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางมีอยู่สองจุด หนึ่งคือ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เน้นเล่ามุมมองของการสู้รบของทหารในโกดังสี่ห้าง และผู้กำกับเองก็พยายามที่จะสอดแทรกเรื่องราวของทหารบางนายที่มีบทบาทที่แตกต่างกัน

ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าทหาร ทหาร และคนหนุ่มหนีสงครามที่ถูกกักตัว แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือ ตัวละครและการกระทำต่าง ๆ ที่ตัวละครได้ทำนั้น ยังไม่ค่อยมีอะไรที่ชวนให้น่าจดจำสักเท่าไหร่ แถมพอหนังไปโฟกัสที่การศึกสงคราม ก็ทำให้พาร์ตดราม่า (หรือมุกตลกเล็ก ๆ) ที่ผู้กำกับพยายามสอดแทรกก็ดูจะเจือจางไปหน่อย รวมถึงบทบาทของตัวละครแต่ละตัวก็ยังไม่มีมิติอะไรที่ทำให้ชวนจดจำหรือชวนให้เอาใจช่วยได้มากนัก

ยังไงก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ หนังเรื่องนี้ืคือหนังสงครามชาตินิยมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ คือเรียกได้ว่าเป็นหนังที่เชิดชูวีรบุรุษทหาร และเชิดชูความเป็นชาตินิยม และให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการร่วมปกป้องชาติ ไม่ว่าจะเป็นทหารที่อยู่แนวหน้า หรือพลเรือนที่อยู่แนวหลังก็ตาม

รีวิวจากผู้ชมทัวโลก

ค.ศ. 1937 กองกำลังญี่ปุ่นโจมตีเมืองเซี่ยงไฮ้ สัมปทานจากต่างประเทศกลายเป็นเกาะแห่งอารยธรรมท่ามกลางการทำลายล้างของเมือง ทหารจีนประมาณ 800 นายได้เสริมกำลังโกดังสินค้าข้ามคลองจากพื้นที่สัมปทาน พวกเขาส่วนใหญ่เป็นทหารติดอาวุธด้วยอาวุธล่าสุดจากนาซีเยอรมนี พวกเขาจะเข้าร่วมโดยพลัดหลงและทีมจากชนบท พวกเขายืนหยัดต่อต้านกองกำลังญี่ปุ่นที่ครอบงำเป็นเวลาหลายเดือนต่อหน้าผู้ชมสื่อต่างประเทศและพลเมืองจีนของพวกเขา อย่างแรก ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เวลามากเกินไปในการแสดงทหารที่หวาดกลัวและไร้ความสามารถ  ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

 

 

บางส่วนมีประโยชน์ แต่น่าผิดหวังจริง ๆ ที่จะรูทสำหรับทหารจีน ผู้ชายผมยาวนี่น่ารำคาญจริงๆ มันอาจจะใช้ได้ถ้าเขาเป็นคนเดียว แต่หนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะสนุกที่ทหารจีนเห็นว่าเป็นเด็กน้อยที่กลัวที่อ่อนแอ ยอดคงเหลือปิดอยู่ กองกำลังที่แท้จริงประกอบด้วยกองทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเป็นส่วนใหญ่ แต่กล้องใช้เวลากับคนอื่น ๆ ที่รวบรวมมากขึ้น ส่วนธงเป็นจุดสูงที่ดี ยกเว้นการโยนศพหลายๆ ชิ้นขึ้นไปบนผืนธงนั้นไร้สาระ ดีกว่าที่จะจดจ่อกับผู้ชายคนเดียวที่หยิบธงที่ร่วงหล่นแล้วยกกลับขึ้นมา

สุดท้ายนี้ใช้การเคลื่อนไหวช้ามากเกินไปโดยเฉพาะในฉากสุดท้าย มันอาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่าที่จะปล่อยให้การกระทำที่โหดร้ายครอบงำความรู้สึก ในฐานะที่เป็นเรื่องราวสงครามที่แท้จริง สิ่งนี้ได้รับการจัดเตรียมไว้สำหรับการบอกเล่าที่ดี แต่นี่เป็นเพียงบางส่วนที่ดีเท่านั้น ชาวตะวันตกอาจไม่ชอบการพรรณนาถึงพวกนาซี และฉันแปลกใจที่คอมมิวนิสต์จีนเต็มใจที่จะทำให้ทหารชาตินิยมเป็นวีรบุรุษ อีกครั้ง ทหารจีนที่ต่อสู้กับอุปกรณ์นาซีจะเป็นเรื่องแปลกสำหรับผู้ชมชาวตะวันตก ในฐานะที่เป็นหนังสงครามจีน เรื่องนี้ดีกว่ามากที่สุด มันดูดีมากและน่าติดตาม

หรือแม้แต่คนที่เคยเพิกเฉย หรือหลบลี้สงคราม ก็ต้องกลับเห็นความสำคัญของชาติมากกว่าตัวเองให้ได้ ซึ่งในหนังมีฉากที่แสดงออกถึงความรักชาติรักแผ่นดินอยู่มากเหมือนกัน ด้วยความที่มันเป็นหนังชาตินิยมจ๋า ๆ ขนาดนี้ คนที่รู้สึกจั๊กจี้กับความเป็นชาตินิยมก็อาจจะรู้สึกแปลก ๆ กับหนังเรื่องนี้ไปเลยก็ได้

นี่คือการรีเมคเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ มันอาจจะเกินจริงไปบ้างและเกินจริงไปบ้างและค่อนข้างจะเป็นเรื่องชาตินิยม (ภาคภูมิใจ) ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาพยนตร์ของสหรัฐฯ ชอบทำในระดับเดียวกัน หวังว่าคุณจะไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น มิฉะนั้น คุณอาจจะกีดกันตัวเองจากหนังที่ค่อนข้างเข้มข้นและบาดใจ! และสายตา … ฉันหมายถึงว้าว แค่ว้าว มันถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร ปริมาณของการผลิตก่อนการผลิต การแสดงโลดโผน และอีกหลายๆ อย่าง ทำให้ฉันอยากจะบอกว่า “เยี่ยมมาก”

 

รีวิว The Eight Hundred นักรบ 800

 

ความรุนแรงนั้นค่อนข้างชัดเจนและมีเลือดจำนวนมากและการพรรณนาถึงการบาดเจ็บและความตายที่โหดร้าย ในบรรดาทั้งหมดที่ยังคงมีการพัฒนาตัวละคร (และถ้อยคำที่เบื่อหูและสิ่งที่เกินจริงด้วย)! ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบรรลุ … แต่หนังเรื่องนี้ทำได้ และถึงแม้จะด้วย 2,5 ชั่วโมง (และอีก 15 นาทีที่หายไปหรืออาจจะสูญหายไปตลอดกาลเนื่องจากผู้กำกับต้องตัดพวกเขาเพื่อให้ได้เรตติ้งในประเทศจีน) หนังไม่เคยรู้สึกว่ามันยาวเกินไป … ดีมาก ทำได้จริง!

แต่ถ้าอยากที่จะลองอยากดูหนังสงคราม และศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์จีนอันยิ่งใหญ่ ว่าด้วยการต่อสู้ของทหารเพียงหยิบมือ ที่กล้าลุกขึ้นท้าทายกองทัพญี่ปุ่น ผมว่าหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าไม่เสียหลายอยู่นะครับ โพรดักชันด้านภาพ แสง สี เสียง เอฟเฟ็กต์ ซีจี ทำได้สมจริงสุด ๆ อย่างกับว่าได้เข้าไปร่วมรบเอง

ขับเน้นดราม่าด้วยความเป็นชาตินิยมในแบบที่เข้าใจได้ไม่ยาก งานด้านภาพจากกล้อง IMAX ทั้งสวยงาม ดุเดือด หดหู่ และโหดร้ายไปพร้อม ๆ กัน ถ้าไม่ชอบอะไรที่ชาตินิยมจ๋า ๆ อันนี้ก็ต้องแล้วแต่พิจารณานะครับ ตัวละครต่าง ๆ และแอคชั่นไม่ได้โดดเด่นให้ชวนจำ โฟกัส และเอาใจช่วยมากนัก ขับเน้นความเป็นหนังสงครามแบบเต็มขั้นจนทำให้พาร์ตดราม่าเบาบางไปหน่อย ชอบการรีวิวของเรา สามารถติดตามการรีวอวของเรา ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง