รีวิว Space Sweepers เมื่อขยะอวกาศที่เจอไม่ใช่ขยะ
วันนี้มาทางฝั่งเกาหลีบ้างนะครับทำหนังแนวตะลุยอวกาศกันบ้างนะครับ ก็ยังออกมาดีเนื้อหาก็จะเป็นแนวอนาคตของโลกในภายภาคหน้าที่โลกกลับมีแต่มลพิษจนทำให้อยู่โดยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจคนจนก็ต้องคอยไปทำงานค้นหาขยะอวกาศมาขายเพื่อประทั่งชีวิต พระเอกของเรานั้นก็จัดอยู่ในคนชนชั้นพวกนี้ด้วยครับ ส่วนจะเป็นยังไงเราไปติดตามกันได้เลยครับผม ดูได้ที่ ดูหนัง
เรื่องราวย่อ 3 มนุษย์ กับอีก 1 หุ่นยนต์ จอมขบถชายขอบของสังคมที่รวมตัวกันเป็นสลัดอวกาศล่าขยะมีค่าที่ลอยเท้งเต้งอยู่นอกโลกในปี 2092 แต่ความซวยมาเยือนเมื่อพวกเขาดันไปเก็บอาวุธระเบิดมหาประลัยในรูปของเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเข้าเสียได้ แต่เหมือนส้มหล่นเพราะมีองค์กรก่อการร้ายพร้อมจะจ่ายให้ไม่อั้นเพื่อแลกตัวเด็กน้อยคืน สุดท้ายกลายเป็นสงครามสาดแสงเลเซอร์กลางอวกาศเพื่อแย่งตัวแบบมะรุมมะตุ้มทั้งฝ่ายคนดีและคนชั่ว โดยมีเหล่านักเก็บกวาดขยะอยู่ตรงกลางรอเลือกข้าง ว่าจะเอาเงินหรือไม่ก็คุณธรรม
ถ้ามองว่าการพิชิตอวกาศคือหมุดหมายของประเทศมหาอำนาจทางเทคโนโลยีและการทหาร การที่อุตสาหกรรมหนังของประเทศใดจะประกาศศักดาก็ต้องเป็นการสร้างหนังไซไฟอวกาศโชว์ความอลังการด้วยเช่นกัน ไม่นับฮอลลีวูดที่เป็นยักษ์ใหญ่ของโลกและมีหนังอวกาศฟอร์มใหญ่ให้ชมแทบทุกปี พี่จีนเองก็เพิ่งประกาศศักดาไปกับหนัง The Wandering Earth (2019) เพื่อตีตื้นฝั่งตะวันตก ยิ่งฝั่งญี่ปุ่นที่สร้างหนังไซไฟแนวเอเชียมาก่อนชาวบ้านชาวช่อง ในช่วงใกล้ ๆ นี้ก็มีหนัง Space Battleship Yamato (2010) ออกมาผงาด ชนิดที่เอา สตีเวน ไทเลอร์ นักร้องนำวง Aerosmith มาร้องเพลงประกอบก็ทำมาแล้ว และ Space Sweepers เองก็พูดได้เต็มปากว่ามีความสำคัญในระดับหนังที่ว่ามาเช่นกัน
หนังนั้นเป็นฝีมือของผู้กำกับ โจซองฮี ที่เคยมีผลงาน A Werewolf Boy (2012) ร่วมกับพระเอกดัง ซงจุนกิ เข้าฉายในบ้านเราเมื่อหลายปีก่อน ทว่าเอาจริงแล้วตัวเขาก็มีงานที่น่าจับตามองตั้งแต่ตอนทำหนังสั้นเรื่องแรก แล้วคว้ารางวัลจากเมืองคานส์กลับบ้านสำเร็จ ในหนัง Don’t Step Out of the House (2009)
และนับเป็นอีกคนหนังของเกาหลีที่ช่วยขับอุตสาหกรรมได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะความทะเยอทะยานในการริเริ่มสร้าง Space Sweepers นี่ล่ะ คือหมุดหมายว่าหนังบันเทิงเกาหลีพร้อมจะเอา “โคเรียวูด” ไปชนฮอลลีวูดได้แล้วหรือยัง หลังจากด้านคุณภาพหนังรางวัลนั้นเกาหลีเพิ่งชนะออสการ์มาหมาด ๆ จากหนัง Parasite ของ บงจุนโฮ
รีวิว Space Sweepers เมื่อขยะอวกาศที่เจอไม่ใช่ขยะ
จุดที่หนังทำได้ดีตามมาตรฐาน อันจะขอกล่าวถึงก่อน คือการใส่รสปรุงที่เป็นเอกลักษณ์ของงานเกาหลีที่ว่า บทเด่นดราม่า เชิดหน้าชูตางานแสดง โดยการเลือกสร้างกลุ่มละครตัวนำที่น่าสนใจ ที่มีทั้งสาวแกร่งเกินหน้าผู้ชายอย่าง กัปตันจาง (คิมแทรี) นักขับยานหน้าตาดีแต่ยาจกที่มีปมอดีตสุดดราม่าอย่าง แทโฮ (ซงจุนกิ) ช่างเครื่องนักเลงหัวไม้แต่ใจดีอย่าง ไทเกอร์พัค (จินซอนคยู) และหุ่นยนต์ปากกวนอวัยวะอย่าง บั๊บ (ยูแฮจิน) ถึงแม้จะดูแตกต่างกันมาก แต่ก็สามารถเอามารวมกลุ่มกันได้เคมีลงตัวมาก ๆ และความเก่งคือเป็นการเลือกตัวแทนของคนชายขอบหลายแบบ ที่น่าตื่นเต้นสุด ๆ คือการให้เจ้าหุ่นบั๊บแทนกลุ่มทรานส์เจนเดอร์ที่ไม่ค่อยได้เห็นในงานแมสของเกาหลีบ่อยนัก อย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี
และแม้แต่ละตัวละครก็มีปมอดีต หรือปมดราม่าของตัวเองที่ไม่มากไม่น้อย พอให้ประคองไปกับเรื่องได้ไม่ไร้รสชาติ อย่างตัวพระเอกที่มีปมเรื่องลูกสาวก็สามารถใช้แฟลชแบ็กราว ๆ 5 นาที แต่เล่าได้จับใจคัดมาเน้น ๆ แล้วไม่ต้องยืดเยื้อ แต่เอามาใช้เกลาตัวละครแทโฮนี้ได้ทั้งเรื่องเลย พวกรายละเอียดในบทเล็ก ๆ น้อยแต่ได้ผลมากนี้ล่ะ ที่น่าสนใจ น่าเอาแบบอย่างมากทีเดียวสำหรับงานบันเทิงไทย
จุดนี้ที่ทำได้ดีเกินคาด ไปพอสมควร ก็คืองานโพรดักชันที่รู้อยู่แล้วว่าต้องจัดเต็ม ซีจี โมชันแคปเจอร์ เอฟเฟกต์ พร็อป ฉาก คอสตูม เพราะเห็นบางส่วนมาจากเทรลเลอร์แล้ว ทว่าหนังจริงก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนอ่อนข้อ เพราะตลอดความยาว 2 ชั่วโมงหน่อย ๆ หนังไม่มีดรอปมาตรฐานเลย มีหลุดเล็กน้อยบางช็อตเท่านั้นที่ยังหลอก ๆ ตา
แต่ก็โดยรวมต้องยอมรับจริง ๆ ว่านี่คืองานเอาไปโม้เอาไปกระทบไหล่หนังบล็อกบัสเตอร์ได้เลยทีเดียว ขนาดว่าดูผ่านจอทีวียังรู้สึกได้ ไม่ต้องคิดว่าถ้าได้ฉายในโรงจะเพิ่มอรรถรสภาพกับเสียงไปได้อีกเท่าไร น่าเสียดายว่าพิษโควิด-19 ทำให้อดชมในโรง แต่ก็ดีในร้ายที่หนังได้ลงเน็ตฟลิกซ์ดูพร้อมกันทั่วโลกแทน
ส่วนจุดที่คิดว่าน่าจะเฉย ๆ แล้วก็ตามคาด นั่นก็คือ เส้นเรื่องภาพรวมที่เดาไว้ว่าคงตามสูตรหนังแอ็กชันที่ไม่ได้ซับซ้อนแหวกแหกตาอะไร ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นหนังเล่าในแบบที่ซ้ำ ๆ กับพล็อตแนวนี้ในหนังเรื่องอื่น เราเดาจุดพลิก จุดหักมุม เดาตัวร้าย คนดีได้หมด แม้แต่มุกไฮไลต์ของเรื่องว่ากันตามตรงก็ไม่ได้เกินคาดอะไร ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์
แต่ก็มองในแง่ความฉลาดของการคุมงานใหญ่ที่ไม่คุ้นมือ ก็มองได้ว่าผู้กำกับเองก็ฉลาดที่จะเลือกยากเป็นบางอย่างไป เมื่อโพรดักชันเป็นโจทย์ใหญ่ยากมากแล้วจะไปดึงความซับซ้อนการเล่าเรื่องมาให้ลำบากอีก หนังจะออกทะเลเละเทะกันไปได้ แต่ก็นั่นล่ะพอว่าตามสูตรล้วน หนังความยาว 2 ชั่วโมงเลยมีหลายช่วงที่เฉย ๆ กับมันไปด้วย ยังดีว่ามุกชวนยิ้ม มุกดราม่ายังทำงานอยู่ตลอด หนังเลยไม่จืดทางอารมณ์
จุดที่ผมคิดว่ายังทำได้ไม่ดี ก็มาจากความยาวหนัง 2 ชั่วโมงกว่านี่ล่ะ สังเกตได้ว่าหนังมีบางฉากที่ลากเกินจำเป็น เข้าใจเองว่าผู้กำกับคงออกอาการเสียดายของ เพราะลงทุนไปเยอะ เลยอัดใส่ฉากที่ถ่ายเข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งถ้าเป็นมาตรฐานหนังสเกลนี้แนวนี้ของตะวันตก น่าจะหั่นฉากลงไปอีกเพื่อความลีนของหนัง ได้ความกลมกล่อมพอดีกว่านี้
ในขณะเดียวกันที่ฉากเยอะไป ช็อตที่ประกอบสร้างฉากเองก็ดูน้อยไปนิดหนึ่ง ไม่ใช่ว่าถ่ายมาน้อย แต่ให้เวลากับมันน้อย ชัดมากในฉากแอ็กชันที่ตัดไว แต่ไม่ได้ไวเพื่อผลทางอารมณ์เร้าใจ แต่ไวเพื่ออัดช็อตที่ถ่าย ๆ มาให้ได้เยอะ ๆ ให้คุ้ม ๆ เลยเหลือเป็นช็อตแว้บ ๆ ไว ๆ เพื่อให้หนังไม่ยาวเกิน กลายเป็นบางฉากดูไม่ทันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไปเสียอย่างนั้น แต่โดยรวมก็เสียจริง ๆ แค่บางฉากสั้น ๆ โดยรวมถือว่าการเล่ายังเคลียร์อยู่มาก
ข้อสรุป อาจยังไม่ใช่หนังที่ชื่นชมได้แบบอวยสุดลิ่ม แต่เราได้เห็นความสามารถศักยภาพของหนังเกาหลีว่าไปฟัดกับโลกได้จริง ๆ ไม่ว่าจะตระกูลหนังล่ารางวัล หรือตอนนี้หนังบันเทิงซีจีแบบเต็มสูบ ที่ขนาดว่าลองตั้งไข่ในเรื่องนี้ ยังทรงดีมาก ๆ ถ้าอุตสาหกรรมหนังเกาหลีต่อยอดได้จริงจัง เราจะเห็นหนังไซไฟ หนังอวกาศที่ดราม่าเข้ม ๆ สไตล์เกาหลี เต็มทั้งตา ตรึงทั้งใจ
เมื่อนั้นล่ะหนังเกาหลีจะเบียดขึ้นแนวหน้าของหนังตระกูลไซไฟ ที่มหาอำนาจภาพยนตร์ฝั่งตะวันตกครองที่นั่งมายาวนานก็เป็นได้ สำหรับเรื่องนี้ หนังสนุกดี ชมได้เพลินมาก ๆ ครับ
รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก
น่าแปลกที่ฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ “Space Sweepers” (หรือที่รู้จักว่า “Seungriho”) มาก่อนเลยก่อนที่จะสะดุดกับ Netflix และด้วยความสนใจในภาพยนตร์เกาหลีใต้และเรื่องย่อที่ค่อนข้างน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ แน่นอนว่าฉันหาเวลามานั่งดูหนังเรื่องนี้จากผู้กำกับซองฮี โจ และสีสันโดนใจ ว้าว ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ระเบิดได้ มันเป็นความบันเทิงที่รวดเร็วตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีเนื้อเรื่องที่สนุกมาก ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่การกระทำที่ปรับปรุง CGI ที่ไม่สนใจ โครงเรื่องที่เล่าใน “Space Sweepers” เป็นเรื่องราวที่จับใจฉันในทันที ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี
และโดยปกติฉันไม่ใช่คนเดียวที่หลงไปกับหนังไซไฟ แต่ “Space Sweepers” ก็สามารถทำเช่นนั้นได้ในทันที และมันเป็นหนังที่สนุกมากเรื่องหนึ่ง โครงเรื่องมีหลายแง่มุมและส่วนโค้งเรื่องราวที่แตกต่างกันสองสามส่วน ดังนั้นจึงควรมีบางสิ่งสำหรับทุกคนในกลุ่มผู้ชม พวกเขาสามารถรวบรวมนักแสดงและนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้และนักแสดงนำ Song Joong-Ki (เล่น Tae-ho), Kim Tae-ri (เล่น Captain Tang), Seon-kyu Jin (เล่น Tiger Park), Hae-Jin Yoo (แสดงเป็นหุ่นยนต์) และ Ye-Rin Park (แสดงเป็น Dorothy / Kang Kot-nim)
ได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดีสำหรับบทบาทของพวกเขาและแสดงได้ดีมากสำหรับภาพยนตร์ ดูแล้วรู้สึกประทับใจกับ “Space Sweepers” มากกว่า ฉันหมายถึง สเปเชียลเอฟเฟกต์และ CGI นั้นน่าทึ่งและสมจริงมาก มันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสถานที่จริงมาก โดยให้รายละเอียดทั้งหมดและการสึกหรอของพื้นผิว ฉันรู้สึกประทับใจกับเอฟเฟกต์พิเศษในภาพยนตร์มากกว่า
และด้วยความที่มันเป็นหนังไซไฟที่มีความสามารถขนาดนี้ การมี CGI ที่น่าเชื่อถือและสมจริงจึงเป็นสิ่งจำเป็น “Space Sweepers” เป็นภาพยนตร์ที่น่าประทับใจและสนุกสนานมาก และฉันจะแนะนำให้คุณใช้เวลานั่งดูและสนุกไปกับการผจญภัยในอวกาศของเกาหลีใต้ มันคุ้มค่ากับเวลาและความพยายามอย่างแน่นอน การให้คะแนนของฉันสำหรับ “Space Sweepers” ในปี 2021 นั้นอยู่ที่แปดในสิบดาว ไม่ต้องสงสัยเลย ยกนิ้วให้กับสิ่งนี้ ทางขึ้นทาง ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง