รีวิว Soul Snatcher บัณฑิตหน้าใสกับนายจิ้งจอก
ในส่วนของเรื่องย่อ ไป๋ฉีซาน (Li Xian) จิ้งจอกหนุ่ม ได้ถูกมอบหมายภารกิจ ปลอมตัวเป็นชายหนุ่มเพื่อตามหาดวงแก้ววิญญาณเพื่อบรรลุความเป็นอมตะ เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปยังโลกมนุษย์ เขาได้พบกับหวังซี่จิน (Chen Li-Nong) บัณฑิตหนุ่มผู้แสนซื่อทำให้เขาทั้ง 2 คนกลายเป็นเพื่อนสนิทที่ต้องมาร่วมผจญภัยไปด้วยกัน แต่ภารกิจนี้มันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่พวกเขาคิด ดูได้ที่ ดูหนัง
หนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งหนังจีนที่ถูกส่งมาลงโรงฉายในตลาดภาพยนตร์บ้านเรา และที่สำคัญคือ เริ่มมาเน้นในตลาดโบรแมนซ์กันบ้างแล้ว ซึ่งอันที่จริง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นหนังใหญ่สำหรับในบ้านเรา แต่การที่สองนักแสดงนำของหนังเรื่องนี้อย่าง Li Xian (หลี่ เซี่ยน) และ Chen Li-Nong (เฉินลี่หนง) ถือว่าเป็นนักแสดงจีนที่มีแฟนคลับในไทยอยู่เยอะพอสมควรเลยนะครับ เห็นได้ชัดจากตอนที่ได้มีโอกาสไปชมรอบสื่อของภาพยนตร์เรื่องนี้กับทางค่ายไฟว์สตาร์ ต้องบอกว่า มีแฟนคลับของทั้ง 2 หนุ่มมาร่วมชมกันอย่างคับคั่งเลยทีเดียว
และ Soul Snatcher หรือในชื่อไทย (ที่ชวนจิ้นซะเหลือเกิน) อย่าง “บัณฑิตหน้าใสกับนายจิ้งจอก” เป็นหนังจีนที่สร้างจากนิยายแฟนตาซีชื่อยาว Spring River In The Flower Moon Night ผลงานของนักเขียนที่ชื่อว่า Duo Duo (ตัวตัว) โดยทีมผู้สร้างเดียวกันกับทีมสร้างภาพยนตร์ Monster Hunt (2015) ที่มีเจ้าอสูรน้อยหัวไชเท้าที่ชื่อน้อง “วูปา”
ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของปีศาจจิ้งจอกสุดกระจอกนามว่า ไป๋ฉีซาน หรือเสี่ยวไป๋ ที่ได้รับภารกิจไปยังโลกมนุษย์เพื่อตามหาดวงแก้วขาวที่อยู่ในตัวมนุษย์ที่บริสุทธิ์ เพื่อที่จะได้อัปเกรดเป็นจิ้งจอกเก้าหางและกลายเป็นเซียนที่มีชีวิตอมตะ ซึ่งเขาต้องปลอมเป็นมนุษย์ และได้ไปพบกับ หวังซี่จิน บัณฑิตหนุ่มหน้ามนผู้ยากไร้ที่อยากเดินทางไปสอบจอหงวนเพื่อจะได้เป็นขุนนาง โดยทั้งคู่จับพลัดจับผลูต้องออกเดินทางผจญภัยเพื่อไปสอบจอหงวนด้วยกัน และต้องเผชิญกับปีศาจมากมายที่คอยเป็นอุปสรรคขัดขวาง และตัวของเสี่ยวไป๋เอง ก็ต้องหาจังหวะช่วงชิงเอาดวงแก้วขาวจากตัวของหวังซี่จินอีกด้วย
และเป็นืั้แน่นอนว่า หลายคนที่เห็นโปสเตอร์มีรูปคู่ ชาย-ชาย แบบนี้ ในยุคที่กระแสวายชวนจิ้นกำลังมาแรง เราย่อมจะคิดถึงความโบรแมนซ์ (Bromance) อย่างแน่นอนซึ่งทั้งคู่นั้นชวนให้จิ้นแบบโบรแมนซ์จริง ๆ นั่นแหละครับ ซึ่งอันนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้ทั้งคู่ในฐานะที่เป็นคู่ดูโอที่สามารถเล่นกันได้อย่างเข้าแข้งเข้าขา เคมีเข้ากันดีมาก ๆ เสี่ยวไป๋ก็เป็นปีศาจจิ้งจอกจำแลงที่มีความแบดบอย และไม่น่าไว้วางใจแฝงอยู่ ส่วนหวังซี่จินก็เป็นหนุ่มเปิ่นซื่อ ๆ แต่จริงใจ ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี
ก็ต้องบอกว่า ตัวหนังเรื่องนี้ไม่ได้ถึงกับชวนให้คิดมากอะไรเหมือนอย่างที่หน้าหนังปูไว้ให้ขนาดนั้นนะครับ คือถามว่ามันชวนจิ้นไหม ก็ชวนจิ้นแหละครับ นักแสดงทั้ง 2 คนก็มีความ “พระเอก-นายเอก” อยู่นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับมีฉากเซอร์วิส หรือมีอะไรที่ล้ำเส้นความเป็นโบรแมนซ์ไปมากกว่านั้น ตัวหนังค่อนข้างเน้นไปที่มิตรภาพความเป็นเพื่อนคู่หูที่รู้ใจ ไปไหนไปกัน และยอมเสียสละให้กันได้อย่างจริงใจเสียมากกว่า
อีกหนึ่งจุดที่สำคัญที่ต้องชื่นชมหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมากก็คืองานด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกครับ สิ่งนี้น่าจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมที่ชมหนังเรื่องนี้ได้ตั้งแต่วินาทีแรกเลย เพราะงานซีจีเนียนกริ๊บมาก ๆ ครับ โดยเฉพาะเจ้าเสี่ยวไป๋ในร่างสุนัขจิ้งจอกซีจี ที่ต้องบอกว่าทีมงานทำการบ้านมาละเอียดมาก ทำให้นอกจากจะเหมือนจริงแทบทุกกระเบียดนิ้วแล้ว ยังมีความน่ารักน่าชังอีกต่างหาก รวมถึงงานซีจีในจุดอื่น ๆ อีกมากมายหลายร้อยช็อตตลอดเรื่อง ที่ทำได้อย่างปราณีตสวยงามในระดับที่ฮอลลีวูดอาจมีร้อน ๆ หนาว ๆ กันอยู่บ้าง
รีวิว Soul Snatcher บัณฑิตหน้าใสกับนายจิ้งจอก
ว่ากันว่าเรื่องเนื้อเรื่อง จริง ๆ ผมออกจะชอบพล็อตของหนังเรื่องนี้นะครับ เป็นหนังที่มีครบเครื่องทั้งการผจญภัย มิตรภาพ การพิสูจน์ตัวตน การเสียสละ และมุกฮา ๆ สไตล์จีนที่หลายมุกก็ฮาใช้ได้เลย รวมถึงการที่ทั้งคู่ต้องออกไปผจญภัยกับปีศาจและอุปสรรคต่าง ๆ มากมายที่จริง ๆ ก็ดูได้เพลิน ๆ เลย รวมถึงการวางพล็อตให้มีความพลิกล็อกหักมุมไว้หลายตลบมาก ๆ ซะจนเดาเรื่องไม่ถูก อย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี
และสิ่งที่เป็นจุดสังเกตส่วนใหญ่ที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือ ตัวหนังที่มีน้ำ หรือฉากและเรื่องราวที่ไม่จำเป็นอยู่เยอะมาก แล้วด้วยความที่ตัวหนังมีความยาวตั้ง 2 ชั่วโมง 5 นาที ถ้าตัดน้ำออก แล้วเหลือแต่เนื้อเน้น ๆ หนังเรื่องนี้อาจเหลือราว ๆ ชั่วโมงครึ่งก็ได้ แม้ว่าพล็อตจะสนุกดี แต่การแวะเล่าเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็น แถมยังเล่าเรื่องที่จำเป็นบางฉากด้วยจังหวะที่ไม่กระชับ ทำให้จังหวะตัวหนังในสององก์แรกนั้นอืดสุด ๆ กว่าที่หนังจะกระชับสนุกขึ้น ก็ต้องรอไปจนถึงช่วงปลาย ๆ เรื่องที่มีฉากบู๊ และดราม่าน้ำตาซึมตอนท้าย ๆ เรื่องแล้ว
ซึ่งอีกจุดที่ตัวหนังค่อนข้างละเลยไปมาก ๆ คือการปูเรื่องครับ ตัวหนังมีการออกแบบเรื่องราวของตำนานไว้ละเอียดมาก (ซึ่งเข้าใจว่า เวอร์ชันนิยายคงเขียนไว้ค่อนข้างละเอียด) พอมาเป็นหนัง แอบมีจังหวะที่ตามหนังเกือบไม่ทันเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าตัวหนังมีการปูเรื่อง อธิบายจุดต่าง ๆ ให้คนดูพอรู้ว่า ทำไมเหล่าปีศาจจิ้งจอกต้องออกมาชุมนุมกัน ดวงแก้วขาวสำคัญต่อปีศาจจิ้งจอกอย่างไร จิ้งจอกเก้าหางกลายเป็นเซียนได้อย่างไร ถ้าเป็นเซียนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หรือการค่อย ๆ เผยปมความไม่น่าไว้วางใจของตัวละครออกมาทีละนิด ฯลฯ น่าจะทำให้สามารถตามหนังได้อินยิ่งขึ้น
จริง ๆแล้ว ถ้าไม่นับว่าหนังเรื่องนี้มีซีนโบรแมนซ์ให้ชวนจิ้นบ้าง (ถึงไม่เยอะ แต่ด้วยเคมีอะไรบางอย่างก็ชวนให้ฟินได้บ้างแหละน่า) หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าไม่เสียหลายอยู่นะครับ เป็นหนังผจญภัยความยาว 2 ชั่วโมงที่อาจจะเดินเครื่องช้าไปสักนิด และน้ำเยอะไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นหนังจีนที่ดูสนุกเพลิดเพลิน ซีจีและงานด้านภาพตระการตา แถมมีมุกฮา ๆ ให้ได้ดู (เสริมความฮาด้วยทีมพากษ์พันธมิตรเข้าไปอีก) เรียกว่าเป็นหนังต้อนรับเทศกาลปีใหม่ที่น่าจะเพลิดเพลินสำหรับคอหนังจีน และคอหนังจิ้นได้อย่างแน่ชัด
รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก
แม็กซ์คือ 5.5/10 ที่ฉันสามารถผลักดันตัวเองให้ เนื้อเรื่องไม่สมจริงและไม่น่าสนใจ คนชอบนิทานจิ้งจอกเก้าหางจะชอบเรื่องนี้ แต่ฉันชอบที่จะระบุข้อเท็จจริงที่เป็นกลางของฉัน ไม่คุ้มค่าที่จะดู ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี
ตอนจบซึ้งมาก แต่การแสดงน่าจะดีกว่านี้
ดำเนินเรื่องแปลกแต่ก็คุ้มค่าที่จะดูเพื่อความสนุกแหวกแนว อารมณ์ขันและมิตรภาพที่แปลกประหลาด สัตว์น่ากลัว แอ็คชั่นที่ไม่คาดคิด และความสวยงามของภาพยนตร์และ CG ตัวเรื่องเองเริ่มลากเมื่อผู้หญิงกลับมาที่หน้าจอเพื่อต่อสู้เพื่อส่วนของเธอกับ Mr.Fox และเพื่อนของเขา…และจากนั้นทีละเล็กทีละน้อยทำให้ผู้ชมรู้สึกง่วงหรือเพียงแค่มีปัญหาในการรักษาระดับความสนใจของพวกเขา สูงเท่ากับไฮไลท์ก่อนหน้านี้เมื่อภาษาจีนคลาสสิกมาบรรจบกับเทคโนโลยีภาพสมัยใหม่ในโทนสีที่เหมาะสม
เรื่องราวและการแสดงก็โอเค ส่วนที่แย่ที่สุดคือ CGI รู้สึกเหมือนพวกเขาไม่มีงบประมาณหรือทีม VFX ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ภาพที่มีคุณภาพต่ำ
ดูหนัง 2 รอบแล้ว CG และวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์เยี่ยมมาก นักแสดงนำหลักสองคนมีความกลมกลืนกันตลอดทั้งเรื่อง คุณจะหัวเราะและร้องไห้อย่างแน่นอน สายสัมพันธ์มิตรภาพบางครั้งจะเท่ากับสายสัมพันธ์ในครอบครัว! รุ่งโรจน์ไปทั้งทีม!
คำเตือนบางประการสำหรับรีวิวนี้ – ฉันไม่พูดภาษาจีนกลาง และนิทานพื้นบ้านทางจิตวิญญาณมากมายในภาพยนตร์เอเชียก็หายไปจากฉัน ฉันรู้สึกว่าน่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่าถ้าคุณมีมรดกทางวัฒนธรรมของเอเชีย ฉันรู้ว่าฉันประสบปัญหาไม่กี่วินาทีหลังจากภาพยนตร์เริ่ม ฉากเปิด (ไม่ใช่สปอยเลอร์จริงๆ) เริ่มต้นด้วยจิ้งจอก CGI อย่างเห็นได้ชัด มันเป็นการ์ตูนล้อเลียนที่เกือบจะเป็นการ์ตูนและไม่น่าเชื่อถือ เช่นเดียวกับสัตว์และสิ่งมีชีวิต CGI อื่นๆ ที่ตามมา ฉันเดาว่าพวกเขาน่าจะดูแปลก ๆ
ซึ่งช่วยเสริมตัวละครที่แคบและตื้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งไม่น่าเชื่อถือและเป็นไปไม่ได้ที่จะมีส่วนร่วมด้วย ฉากนั้นยาวและตั้งใจให้มีอารมณ์ขัน – ไม่ใช่เลย มันดูน่าเบื่อ ไม่ตลก และเจ็บปวดเมื่อต้องดู ไม่มีการเชื่อมต่อกับตัวละครหลักใด ๆ ตลอดการเผชิญหน้าที่ดึงออกมาเหล่านี้ และคำบรรยาย ฉันเคยสนุกกับคำบรรยายภาษาอังกฤษที่หลบๆ ซ่อนๆ ของโรงภาพยนตร์ฮ่องกงยุค 80 และยุค 90 แต่ตอนนี้เป็นปี 2020 แล้ว ประหยัดเงินไม่กี่ดอลลาร์โดยใช้ Google แปลภาษา
อาจเป็นการเปิดศักราชใหม่ของคำบรรยายย่อยในภาพยนตร์จีน มีคำอย่างน้อยสองคำที่ปรากฏตลอดเวลาตลอดทั้งเรื่อง “childe” และ “claman” หวังว่าฉันจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่บทสนทนาโดยทั่วไปไม่สมเหตุสมผล แน่นอนว่าประโยคหนึ่งอาจฟังดูถูกต้อง แต่ในการสนทนา มักไม่มีบริบทของบทสนทนาที่พูดด้านใดด้านหนึ่ง การผสมผสานขององค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ไม่เป็นที่พอใจ จริง ๆ แล้วฉันชอบตอนจบ แต่ฉันก็แยกส่วนมากและพยักหน้าบ่อย ๆ ในช่วง 45 นาทีที่ผ่านมาซึ่งฉันมองเห็นได้เพียงแวบเดียว ระดับการดูมาโซคิสม์ = 11
ในส่วนการวางเนื้อเรื่องพลิกล็อกหักมุมได้ซับซ้อนมาก งานองค์ประกอบภาพและซีจีอลังการและสวยงามมาก ๆ เคมีของสองหนุ่มนักแสดงเข้ากันได้โอเคมาก เป็นโบรแมนซ์ไม่ถึงขั้นวาย แต่ก็มีให้จิ้นได้นิดนึง มีน้ำหรือฉากที่ไม่จำเป็นเยอะมาก เยอะซะจนถ้าตัดออกหนังอาจเหลือไม่ถึงชั่วโมงครึ่ง องก์แรกนอกจากจะปูเรื่องอธิบายให้น้อยมาก เกือบตามไม่ทัน สององก์แรกเดินเครื่องช้ามาก กว่าจะรู้สึกสนุกก็เข้าช่วงบู๊ปลาย ๆ เรื่องแล้ว การตัดต่อบางจังหวะไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไหร่ ทำให้การเดินเรื่องแอบสะดุดในบางจังหวะ ชื่นชอบการรีวิวของเรา สามารถติดตามการรีวิวของเรา ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง