รีวิว The Adam Project เมื่อต้องย้อนกลับไปแก้ไขจุดเริ่มต้น
วันนี้าอัพเดทหนังใหม่ล่าสัดจากค่าย Netflix กับพ่อหนุ่ม ไรอัน เรโนลด์ จอมพูดมากของเรานั้นเอง แกแสดงเรื่องไหนนี้พูดไม่หยุดจริงๆแต่เป็นจุดขายของเขาไปแล้วละซึ่งมันก็ดีจริง ๆ เพราะความฮาและการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาครับ กลับมาในเรื่องนี้ก็มาแนวย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตส่วนเนื้อหาจะเป็นยังไงเราก็ไปติดตามกันได้เลยครับผม ดูได้ที่ ดูหนัง
เปิดมาในส่วนต้นเรื่องครับ อดัม นักบินในโลกอนาคตปี 2050 ได้ขโมยยานติดไทม์แมชชีนเพื่อกลับไปยังปี 2018 เพื่อตามหาคนรักแต่เกิดข้อผิดพลาดจนเขามาโผล่ในปี 2022 และที่นี่เองที่เขาได้พบกับตัวเขาเองในวัย 12 ปี และเพื่อให้สามารถตามหาแฟนสาวได้ทันอดัมทั้ง 2 จำเป็นต้องร่วมมือกันก่อนจะสายเกินไป
ในจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ ‘The Adam Project’ ยืนอยู่เหนือหนังใน Netflix เรื่องอื่นคงหนีไม่พ้นแนวคิดแบบหนังบล็อกบัสเตอร์และทำแบบหนังบล็อกบัสเตอร์กล่าวคือมันถูกปั้นหน้าหนังมาให้คนคาดหวังความสนุกของมันได้จากงานดีไซน์ต่าง ๆ ทั้งคอสตูมเอย การออกแบบงานสร้างเอยไปจนถึงสื่อประชาสัมพันธ์ที่คาดชื่อไรอัน เรย์โนล์ดส์มาเป็นจุดขาย พ่วงด้วยเครดิตงานกำกับของชอว์น เลวี (Shawn Levy) ที่เพิ่งร่วมงานกับเรย์โนลดส์ไปใน ‘Free Guy’ และยังไม่ใช่คนอื่นคนไกลของ Netflix เพราะเขาก็คือโชว์รันเนอร์ของซีรีส์ ‘Stranger Things’ นั่นเอง
แต่ถึงกระนั้นก็เป็นดาบสองคมเหมือนกันเพราะพอหนังเล่นใหญ่และประกาศตัวเองลง Netflix คนดูบางส่วนอาจรู้สึกว่านี่จะเป็นหนึ่งในหนังตีหัวเข้าบ้านอีกหรือเปล่าเพราะเราก็อกหักไปไม่ใช่น้อยสำหรับหนังในแพลตฟอร์มสตรีมมิงชื่อดังเจ้านี้ แต่ผมขอการันตีได้เลยว่างานนี้ เออ…ของจริงว่ะ ! บอกว่าจะไซไฟก็ไซไฟแบบเต็มเหนี่ยว บอกว่าจะมีฮาก็ได้หลายครืน แถมยังเซอร์ไพร์สด้วยดรามาที่ไม่คิดว่าหนังจะทำเอาน้ำตารื้นได้ขนาดนั้นด้วยนะ
รีวิว The Adam Project เมื่อต้องย้อนกลับไปแก้ไขจุดเริ่มต้น
โดยในหัวใจสำคัญของ ‘The Adam Project’ คงหนีไม่พ้นบิ๊กไอเดียที่ว่า “ถ้าเรากลับไปบอกตัวเองตอนเด็กได้ เราจะบอกอะไร” ซึ่งมันสามารถจับหัวใจคนดูได้อยู่หมัดตั้งแต่การสร้างตัวละครอดัมให้ห่างไกลจากคำว่าเพอร์เฟกต์สุด ๆ จนเรียกได้ว่าเป็นลูสเซอร์ (Looser) คนนึงก็ไม่ผิดนัก แถมยังเป็นลูสเซอร์ยันตัวตนในโลกอนาคตที่แม้จะมีแฟนสาวสุดสวยทว่าเขาก็ดันต้องมาตามหาเธอแบบข้ามกาลเวลาและได้กลับมาเจอตัวเองในวัย 12 ซึ่งเพิ่งผ่านเหตุการณ์สูญเสียคุณพ่อมาไม่นาน อย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี
ซึ่งในหัวใจของเรื่องก็ถูกถ่ายทอดได้อย่างดีผ่านการแสดงของไรอัน เรย์โนลดส์และวอล์คเกอร์ สโคเบลล์ (Walker Scobell) ที่แสดงถึงคาแรกเตอร์เหมือนที่แตกต่างของอดัมในสองช่วงวัยได้อย่างมีสีสัน โดยเฉพาะในรายของเรย์โนลดส์ที่สามารถส่งอารมณ์ให้สโคเบลล์ได้อย่างยอดเยี่ยมและเชื่อจริง ๆ ว่าอดัมในอนาคตเองก็เสียใจไม่น้อยกับหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมาในชีวิต และยังส่งมุกทะเล้นกวนกันได้น่ารักน่าชังและสร้างความบันเทิงไม่น้อยเมื่อพวกเขาได้ร่วมจอกัน
ส่วนตัวของเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ (Jennifer Garner) ก็ชวนเซอร์ไพร์สไม่น้อยเลยสำหรับบทเอลลี่ แม่ของอดัมที่การแสดงของเธอสามารถสื่อถึงความรักของคนเป็นแม่ได้อย่างยอดเยี่ยม และฉากที่เธอได้เจอกับไรอัน เรย์โนลดส์ในบาร์ก็ทำให้เราอดน้ำตารื้นตามไม่ได้ เรียกได้ว่าการมีอยู่ของการ์เนอร์ทำให้หนังครบรสและน่าประทับใจมาก ๆ
ด้านฉากซีนแอ็กชัน ‘The Adam Project’ ก็ไม่ด้อยไปกว่าหนังฉายโรงเลยทั้งคุณภาพวิช่วลเอฟเฟกต์เนียนตา ภาพสวยมากจริง ๆ บ้านใครโทรทัศน์รับดอลบี วิชัน (Dolby Vision) ได้แนะนำให้ลองเลย เพราะสีสีนคอนทราสต์ต่าง ๆ ดูไม่หลอกตาสมจริงมาก และอีกองค์ประกอบคือการมีอยู่ของแคเธอรีน คีเนอร์ (Catherine Keener) ที่มารับบทมายา ซอร์เรียนได้ร้ายถึงอารมณ์มาก ๆ เป็นองค์ประกอบที่ทำให้ในส่วนแอ็กชันของหนังทำงานกับผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยม
โดยสรุปแล้วคงต้องบอกว่าหลังจากทำเอาสูญเสียศรัทธาในหนังแอ็กชันช่วงที่ผ่านมาของ Netflix มาหลายเรื่อง ‘The Adam Project’ นับเป็นงานล้างตาได้สำเร็จทั้งการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน ไม่เอื่อย งานวิช่วลเอฟเฟกต์ตระการตาและถือเป็นหนังไซไฟข้ามเวลาที่พอจะมีแง่มุมใหม่ ๆ มาเล่าได้อย่างสนุกสนานแม้จะแอบโกงเรื่องตรรกะหรืออธิบายหลักการเดินทางข้ามเวลาได้ไม่เคลียร์เท่าไหร่ก็เถอะ
และร่วมไปกับทีมนักแสดงที่เต็มที่มาก ๆ โดยอีกคนที่คัมแบ็คมาให้หายคิดถึงก็คือโซอี ซัลดานา (Zoe Saldana) ที่มารับบทลอราหวานใจของอดัมและมาร์ค รัฟฟาโล (Mark Ruffalo) หรือพ่อฮัลค์ที่แม้จะยังไม่ได้เจอกันใน MCU แต่ก็มีโอกาสได้เจอกับเดดพูลอย่างเรย์โนลดส์ในบทพ่อของอดัมนั่นเอง
รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก
สวัสดีอีกครั้งจากความมืดมิด ในช่วงอายุหนึ่งๆ พวกเราส่วนใหญ่เคยคิดว่าจะพูดอะไรกับตัวเองในวัยหนุ่มได้บ้าง หากเรามีโอกาสย้อนเวลากลับไป วลีที่คุ้นเคยคือ “Hindsight is 20/20″ แต่ถ้าเรามองการณ์ไกลล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรารู้ตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะทำ และการตัดสินใจที่ไม่ดีที่ควรหลีกเลี่ยง ผู้กำกับชอว์น เลวี (แฟรนไชส์ ”Night at the Museum”) ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์
รวมตัวกับไรอัน เรย์โนลด์ส นักแสดงชายฟรี กาย (2021) ของเขา เพื่อนำเสนอภาพยนตร์การเดินทางข้ามเวลาที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ชม โดยมีเนื้อหาที่เป็นส่วนตัว สคริปต์นี้เขียนร่วมกันโดย Jonathan Tropper (ผู้สร้าง “Banshee”), TS Nowlin (แฟรนไชส์ ”The Maze Runner”) และ Jennifer Flackett (“Big Mouth”) อดัม (Walker Scobell ในภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา) วัย 12 ขวบเป็นเด็กเจ้าเล่ห์ที่ดึงดูดคนพาลที่โรงเรียน เขาอาศัยอยู่กับแม่ของเขา (เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์)
และพวกเขาทั้งสองยังคงไว้ทุกข์พ่อของเขาที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณการ์เนอร์รู้สึกหนักใจกับประโยคที่ชัดเจนที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อเธอสอนอดัมวัยหนุ่มว่า “… อนาคตมาเร็วกว่าที่คิด” เมื่ออดัมวัยรุ่นสะดุดเข้ากับนักบินอวกาศที่ได้รับบาดเจ็บในโรงรถ ต้องใช้เวลาสักระยะก่อนที่เขาจะรู้ได้ว่าจริงๆ แล้วมันคือตัวเขาเองจากอนาคต (2050 เทียบกับ 2022)
เมื่อคุณมีเด็กอายุ 12 ขวบที่ฉลาดหลักแหลม เป็นเพียงการคัดเลือกนักแสดงที่สมบูรณ์แบบที่จะมี Ryan Reynolds ปรมาจารย์ผู้เฉียบแหลมที่เล่นเวอร์ชันเก่ากว่าเท่านั้น แม้ว่าจะมีการเสียดสีกันในช่วงแรกหรืออาจเป็นเพราะเหตุนี้ ทั้งสองก็สนุกกับการเล่นซึ่งกันและกันด้วยการตีกลับและการกลับมาที่ฉับไว เช่นเดียวกับเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลาส่วนใหญ่ สิ่งต่าง ๆ จะซับซ้อนเล็กน้อย
และทางออกเดียวคือการเสี่ยงที่มากขึ้นและเพิ่มความยุ่งยากมากขึ้น ไม่ได้ให้อะไรไป แต่อดัมส์ทั้งสองถูกบังคับให้กระโดดข้ามเวลาเพื่อค้นหาพ่อแก่ที่รัก ศาสตราจารย์หลุยส์ รีด (มาร์ค รัฟฟาโล) จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อช่วยชีวิตพ่อ แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโซอี้ ซัลดานาในบทลอร่า และแคทเธอรีน คีเนอร์ (รับบทวายร้าย) ในบทมายา
ศาสตราจารย์รีดไม่ใช่หุ้นส่วนทางธุรกิจที่มีจริยธรรม ส่วนนี้นำเสนอแอ็กชันและความตึงเครียดมากที่สุด แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอได้ดีที่สุดสำหรับผู้ชมเมื่อมีไหวพริบระหว่าง Reynolds, Ruffalo และ Scobell) ผู้กำกับเลวีได้สร้างภาพยนตร์ที่มีเสน่ห์ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าค่อนข้างสนุกสนานสำหรับผู้ชมกระแสหลัก และเขาได้เพิ่มสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ เช่น สุนัขประจำครอบครัวชื่อฮอว์คิง
และเพลงร็อกคลาสสิกจาก Led Zeppelin, สเปนเซอร์ เดวิส กรุ๊ป, บอสตัน และพีท ทาวน์เซนด์ เขายังหลีกเลี่ยงการทดลองเพิ่มบทสนทนาว่า “เฮ้ พ่อ อยากจับไหม” นอกเหนือจากซีเควนซ์เดียว เอฟเฟกต์พิเศษนั้นน้อยมากเมื่อพิจารณาว่าเป็นภาพยนตร์การเดินทางข้ามเวลา และหัวใจของมันคือเรื่องราวเกี่ยวกับการได้ใกล้ชิดกับครอบครัวและตัวตนของคุณในฐานะบุคคล ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี
และมีอำนาจเหนือโลกมากเกินไป Shalabang ทั้งหมดเกิดขึ้นในพื้นที่ป่าที่เหมือนสตูดิโออย่างแท้จริงและสภาพแวดล้อมปลอม มีบางพื้นที่ที่เรียบร้อย แต่นั่นเป็นเพียงบริเวณด้านหน้าไซไฟ ผู้ที่มีเสาอากาศสำหรับพีชคณิตอาจได้รับความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความต่อเนื่องของเวลาและอันตรายของการพบปะตัวเองเมื่อเดินทางข้ามเวลา ฉันไม่เข้าใจ
เรื่องราวและสคริปต์นั้นวิเศษมาก การแสดงและบทสนทนานั้นเขียนขึ้นจากพรสวรรค์ด้านตลกของไรอัน เรย์โนลด์ส เรื่องราวและโครงเรื่องงี่เง่าและช้า และตอนจบเป็นหนึ่งในสิ่งที่อ่อนแอที่สุดในรอบหลายปี นักแสดงบางคนไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีประเภทนี้ และบอทวอร์ริเออร์ในอนาคตจะต้องเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในประเภทเดียวกัน ฉันก็เลยพบว่ามันเซ็กซี่พอๆ กับการจูบกับผู้หญิงที่ใช้ snus หรือเคี้ยวยาสูบ ชายชราที่ไม่พอใจจะแนะนำสิ่งนั้นหรือไม่ ไม่เลย
ชื่อที่ชัดเจนมากมายในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดย Ryan Reynolds เป็นชื่อที่คงที่ที่สุด ชื่ออย่างเช่น มาร์ค รัฟฟาโล, เจนนิเฟอร์ การ์ดเนอร์ และโซอี้ ซัลดานา ดูเหมือนจะมาและหายไปจากหนังเรื่องนี้ ไม่มีใครติดอยู่นานพอที่จะเข้าใจตัวละครของพวกเขาได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แม้แต่ Cathleen Kenner ที่ทำหน้าที่สองครั้งในฐานะวายร้ายด้วย CGI เก่าที่ดี
ก็เป็นยังไงกันบ้างครับกับการรีวิวหนังเรื่องนี้ชอบกันไหมครับ หากคุณชอบอย่าลืมมาคอยรอรีวิวเรื่องอื่นๆที่นี้ที่เดียว0นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง