รีวิว Stand by Me Doraemon 2 น้ำตาไหลโหก
เราเดินทางกันมานานมากนะครับสำหรับการ์ตูนเรื่องนี้นะครับ ได้ดูในวันที่โนบิตะได้เติบโตจนก้าวเข้าสู่การมีครอบครัวก็ดีใจที่ โนบิตะของเราจะโตอย่างเต็มที่สักที่ โดราเอม่อนเองต้องดีใจมาก ๆ แน่ ๆ เยครับ เรื่องราวจะเป็นยังไงเราไปติดตามกันได้เลยครับผม เชิญไปรับชมที่ ดูอนิเมะ
เรื่องราว เมื่อโนบิตะพบตุ๊กตาหมีตัวเก่าที่เขาเคยเล่นสมัยเด็กอยู่ในห้อง ทำให้เขานึกถึงคุณย่าที่แสนใจดี พร้อมตัดสินใจชวนโดราเอมอนย้อนเวลากลับไปในอดีตเพื่อพบกับคุณย่าอีกครั้ง จนเมื่อคุณย่าเอ่ยปากว่า “อยากจะพบกับเจ้าสาวของโนบิตะ” โดราเอมอนและโนบิตะจึงเดินทางไปในวันแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก่อนจะพบว่าโนบิตะในวัยผู้ใหญ่ได้หนีหายออกจากงานแต่งงานของเขากับชิซึกะไป โนบิตะและโดราเอมอนจึงต้องช่วยกันตามหาเพื่อทำให้ความฝันของคุณย่าเป็นจริง
ห่างหายกันมาถึง 6 ปีนับจากภาคแรกในชื่อ ‘Stand by Me Doraemon โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป’ ในปี 2014 ซึ่งจริงแล้วก็ถือว่าจบลงตัวในตัวเองอย่างมากแล้ว แต่ด้วยความนิยมของแอนิเมชัน 3 มิติชุดนี้ ทำให้ผู้กำกับ ยามาซากิ ทาเคชิ และ ยางิ ริวอิจิ จากภาคแรกกลับมาสานต่อเรื่องราวมิตรภาพสุดซึ้งนี้ต่อ
และยังได้ออกฉายในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบ้านเราก็กำลังจะเข้าฉายโปรแกรมปกติในวันที่ 6 เมษายนนี้ โดยมีรอบพิเศษจัดฉายมาแล้วตั้งแต่วันที่ 1-5 เมษายนด้วย
ว่ากันแล้วตามจริงแล้วต้องบอกก่อนว่าความแตกต่างสำคัญระหว่าง Stand by Me Doraemon กับแอนิเมชันโดราเอมอนที่เป็นภาคการผจญภัยต่าง ๆ ซึ่งมีออกฉายมาแทบทุกปีนั้น หลัก ๆ คือกลุ่มผู้ชม เพราะในขณะที่แอนิเมชัน 2 มิติจะจับกลุ่มเด็กจริง ๆ ที่เน้นเรื่องของฉากการผจญภัยหวือหวา มีเพื่อนใหม่ของโนบิตะที่น่าสนใจซึ่งมักไม่ใช่คน เรียกว่าอัดแฟนตาซีจัดเต็มกว่า
แต่ในแอนิเมชัน 3 มิติ ในชุด Stand by Me Doraemon นั้น จะจับความสนใจ หรือความเข้าใจกับอดีตเด็ก หรือผู้ใหญ่ในปัจจุบันที่โตมากับการ์ตูนชุดโดราเอมอนได้ดีกว่า ทั้งด้วยเรื่องของฉากการผจญภัยที่จะไม่แฟนตาซีเท่า ดูมีความดราม่าเรื่องความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกว่าและต้องอาศัยความเข้าใจมากขึ้น นอกจากนี้มุกการเล่าเรื่องก็ยังสามารถใส่ความซับซ้อนได้มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการย้อนเวลาแก้ไขอดีต-อนาคตไปมา ซึ่งที่ว่ามามันคือหนังแอนิเมชันสำหรับเด็กโตจนถึงวัยผู้ใหญ่ดูนั่นเอง
ส่วนในสิ่งที่น่าสนใจสำหรับ ‘Stand by Me Doraemon 2 โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2’ ด้านเนื้อเรื่องนั้น ก็แอบประหลาดใจเล็กน้อยที่หนังมีความเชื่อมโยงแบบจับต้องได้กับหนังภาคแรก ซึ่งที่คาดไว้ทีแรกคือหนังน่าจะแยกกันจบในตัวแบบแอนิเมชัน 2 มิติที่แต่ละตอนไม่ต้องเชื่อมโยงกัน ด้วยระยะเวลาที่ทิ้งห่างมาถึง 6 ปี คนที่ดูภาคแรกก็น่าจะลืมรายละเอียดไปเยอะแล้ว ทว่าผู้สร้างก็คงความตั้งใจให้หนังชุดนี้มีความเป็นชุดสะสม ที่เรื่องราวต่อเนื่องเป็นหนังชุดเดียวกันนั่นเอง
ในเนื้อเรื่องของโนบิตะอยากกลับไปหาคุณย่าเพราะเจอตุ๊กตาในวัยเด็ก (โดยนำเนื้อหาในหนังสือการ์ตูนตอนที่ซึ้งที่สุดตอนหนึ่งมาใช้) และลากไปสู่ตอนที่โนบิตะในอนาคตหนีการแต่งงาน ทำให้โดราเอมอนต้องตามไปแก้ปัญหามีการข้ามเวลาไปมากันวุ่นวาย จึงเป็นการคิดเลือกเรื่องราวในตอนที่ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโนบิตะกับครอบครัว (คุณย่า,คุณพ่อ,คุณแม่) มาเชื่อมกับครอบครัวที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ (โนบิตะ กับชิสุกะ) นั้น ทำให้เราเห็นความพิถีพิถันของผู้สร้างอย่างดีทีเดียว อันนี้ชื่นชมมาก ๆ
รีวิว Stand by Me Doraemon 2 น้ำตาไหลโหก
ซึ่งในฉากประมวลความสัมพันธ์ทั้งหมดค่อนปลายเรื่อง ลากยาวจนถึงจบนั้น ต้องบอกว่า ขยี้แล้วขยี้อีก อัดฉากซึ้ง ๆ คำพูดซึ้ง ๆ มารัว ๆ ฉากนี้ยังไม่น้ำตาซึมเหรอ ได้ งั้นต่อด้วยฉากนี้ ยังอีกเหรอ งั้นฉากนี้ล่ะ ..อารมณ์ประมาณนี้เลย ตรงนี้แล้วแต่คนเลย ใครอินอยู่แล้วก็น่าจะยิ่งชอบ แต่ในทางกลับกันใครไม่อินมุกแนวญี่ปุ่นขยี้เรียกน้ำตาก็คงรู้สึกว่าจะอะไรกันนักกันหนา ทว่าด้วยความเป็นแอนิเมชันน่ารัก ๆ เราคงไม่รู้สึกไปรำคาญตัวละครเท่ากับหนังญี่ปุ่นคนแสดงอยู่ดี จะเป็นยังไงไปดูเลย ดูการ์ตูนออนไลน์
ยังมีส่วนที่ยังทำได้ไม่ดีนัก แต่ก็เป็นจุดที่เลี่ยงไม่ได้ ก็คงเป็นบรรดาความงี่เง่าของตัวโนบิตะเองที่ต้องมีเพื่อสร้างปัญหาให้เรื่องเดิน ซึ่งในหนังสือการ์ตูนเราอาจเคยชินกับมันอยู่แล้ว เพราะมักจะจบความงี่เง่าหนึ่ง ๆ ในตอนสั้น ๆ แต่พอมาเป็นหนังยาว ๆ แล้วยังเล่าด้วยความสมจริงมาก ๆ ไม่ค่อยแฟนตาซี บรรดาความงี่เง่าเหล่านั้นจึงอาจมากเกินพอดี
เราคงต้องทำใจได้ว่าเขาเป็นเพียงเด็กประถมมันก็มีความไม่นิ่งทางอารมณ์ความคิดอยู่แล้ว นั่นก็พอเข้าใจได้ ในฉากที่โนบิตะกลับไปอดีตเจอตัวเองตอนเด็กกว่าทำตัวงี่เง่า โนบิตะก็โกรธ และนี่คือจุดสำคัญมาก ๆ ว่าตัวละครโนบิตะในปัจจุบันนั้นมีพัฒนาการมาก แล้วหลังจากนั้นเขาก็ไม่ค่อยทำตัวงี่เง่า ซึ่งดีมาก ๆ ที่หนังเล่าได้แบบนี้ ทว่าพอไปเจอโนบิตะผู้ใหญ่ปรากฏว่าตัวโนบิตะในวัยผู้ใหญ่ดันทำตัวงี่เง่าหนักกว่า มันทำให้ความรู้สึกตรรกะของหนังมันแปร่ง ๆ ไปหมด และกลายเป็นว่าเราอยู่กับความงี่เง่าของโนบิตะในทุกวัยแทบจะ 60% ของเรื่อง ซึ่งมันทรมานไม่น้อยทีเดียว
และถึงแม้ท้ายสุดหนังจะหาทางออกและคลี่คลายได้ว่าทำไมโนบิตะจึงไม่ได้เรียนรู้พัฒนาความคิดอะไรขึ้นเลยหลังเหตุการณ์ทั้งหมดที่ว่ามา เพื่อให้เนื้อหาของแอนิเมชันในอนาคตไม่แกว่ง แต่ในทางหนึ่งเราก็รู้สึกว่าเขาทิ้งพัฒนาการของตัวละครไปแบบไม่ใยดีเกินไป เหมือนเวลากว่าชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมา โนบิตะกลับไปเป็นเด็กงี่เง่าคนเดิมตอนต้นเรื่อง เนี่ยเสียดายสุด
ส่วนอีกเรื่องที่น่าดีใจคือ แม้หนังจะมีบทสรุปจบในตัว แต่ก็ทิ้งเชื้อแบบเนียน ๆ ถึงภาค 3 ไว้ (ถ้าจะทำ) เพราะมีฉากหนึ่งที่โนบิตะกับโดราเอมอนเปิดดูอนาคต 1 ปีหลังวันแต่งงานและพบว่า… ซึ่งเราอาจหลงลืมไป และคิดว่าแก้ไขเหตุการณ์หมดแล้ว ทว่าในความจริงเหตุการณ์ที่ทั้งคู่เห็นนั้นก็จะยังคงอยู่ หากแต่โนบิตะกับโดราเอมอนเข้าใจผิดไปเองว่านั่นเกิดจากเหตุการณ์หนีการแต่งงานครั้งนี้ จึงน่าสนใจไม่น้อยทีเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นกับโนบิตะหลังแต่งงานไปแล้ว 1 ปีกันแน่
และถ้าคำนึงว่าจะต้องเป็นการปิดหนังไตรภาคก็คงต้องบอกว่าน่าจะเป็นดราม่าใหญ่สุดของเรื่องแน่ ๆ รอชมครับ
รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก
อีกหนึ่งหนังน้ำตาแตกและรู้สึกดีจากแฟรนไชส์โดราเอมอน พูดตรงๆ ว่ามันดีกว่าหนังเรื่องก่อนๆ ภาพยนตร์ไม่เพียงแต่สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างโนบิตะและโดราเอมอนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความผูกพันกับสมาชิกในครอบครัวของเขาด้วย โครงเรื่องน่าสนใจมาก พวกเขายังสร้างบางตอนจากซีรีส์โดราเอมอนในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะ Climax ถูกสร้างมาอย่างดีในภาพยนตร์ โดยรวม . ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ครึกครื้นและอารมณ์ดีที่จะดูกับครอบครัวและลูกๆ ของคุณ อย่าพลาดมัน แฟนโดเรมอนต้องดู
ในประโยคที่สองของตอนที่มีค่าที่สุดของโดราเอมอน ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับคุณย่าของโนบิตะที่ต้องการเห็นงานแต่งงานของโนบิตะ ภาพยนตร์เรื่องนี้เน้นเรื่องที่ผู้ใหญ่ที่โนบิตะกลับมาพบกับโดราเอมอนอีกครั้ง และหวนคิดถึงความทรงจำในวัยเด็กของเขาร่วมกับชิซูกะ ภรรยาของเขาและเพื่อนๆ ของเขา – จิอัน ซูเนโอะ และคนอื่นๆ แม้แต่ Gian ก็ร้องเพลงได้ (ซึ่งเราเคยชอบกันมาก่อน) และครูของ Nobita ก็พูดถึงคะแนน 0 ของเขา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเพียงการระลึกถึงวัยเด็กของพวกเราทุกคน (รวมถึงตัวละครด้วย) และสรุปความเชื่อมโยงที่น่าทึ่ง สวยงาม แต่เรียบง่ายระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ภาคต่อที่เหลือเชื่อจริงๆ และเหตุผลที่ฉันชอบมันมากกว่าภาคที่แล้ว เพราะครั้งนี้ หนังมีตัวละครอนิเมชั่นแทบทุกตัวเลย ไม่มีวันตาย ไม่มีอะไรจะร้องไห้ ยังพอละลายหัวใจได้ ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ
ก่อนอื่นแฟนโดเรมอนจะร้องไห้ ไม่ใช่เพราะมันเป็นอารมณ์ (มันเป็น) เพราะ… โนบิตะกำลังจะแต่งงานกับชิซูกะ และนั่นคือทั้งหมดที่แฟนๆ โดเรมอนอยากเห็น และเหตุผลที่โดเรมอนมาสู่ชีวิตของโนบิตะ เพื่อทำให้อนาคตของโนบิตะสดใส แล้วโดเรมอนก็ทำได้ น้ำตาจะไหลเมื่อมีโอกาสได้ดูหนัง แต่น้ำตาเหล่านั้นจะเป็นน้ำตาแห่งความสุข
โนบิตะและเพื่อนของเขา หุ่นยนต์ผู้มาจากศตวรรษที่ 22 เพื่อช่วยโนบิตะ โดราเอมอนใช้ไทม์แมชชีนเพื่อเยี่ยมย่าของโนบิตะอีกครั้งในอดีต พวกเขาสัญญาว่าจะทำให้เธอได้พบกับภรรยาในอนาคตของโนบิตะ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เปลี่ยนไปเมื่ออนาคตโนบิตะไม่อยู่ในงานแต่งงานของเขากับชิซูกะในอนาคต โนบิตะกับโดราเอมอนจะทำให้ยายของโนบิตะเห็นงานวิวาห์ของโนบิตะในอนาคตหรือไม่? ฉันเป็นแฟนตัวยงของโดราเอมอนตั้งแต่อายุ 5 ขวบและไม่มีตอนที่ฉันจะพลาดเลย ฉันเลิกดูมันเมื่อสี่ปีที่แล้วและเมื่อสองปีที่แล้วฉันได้ดูภาคก่อนของหนังเรื่องนี้ มันเป็นผลงานชิ้นเอก และหนังเรื่องนี้ก็ซื้อความทรงจำทั้งหมดของโดเรมอนกลับมา ฉันชอบหนังเรื่องนี้ ฉันรักมันมาก ความทรงจำทั้งหมดกลับมา มันเหมือนกับไม่กี่ตอนรวมกันเพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้ว่าเวอร์ชั่นนี้จะแตกต่างจากเวอร์ชั่นการ์ตูนมาก แต่ตัวละครก็เหมือนกันและชวนให้คิดถึง ฉันไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ได้ เนื่องจากหนังสั้นมากจนต้องอธิบายอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แฟนโดเรมอนทุกท่านโปรดติดตาม
ฉันไม่ได้โตมากับโดราเอมอน แต่ฉันเคยดูซีรีส์อนิเมะและภาพยนตร์มาแล้วสองสามเรื่อง รวมถึงสแตนด์บายแรกด้วย แม้ว่าบางครั้งฉันรู้สึกหงุดหงิดที่โนบิตะงี่เง่าที่ไร้เดียงสาและซุกซน แต่เขาก็เก่งเรื่องเฮรัตเสมอ แม้ว่าช่วงกลางของภาพยนตร์จะดูคลุมเครือเล็กน้อย แต่พล็อตเรื่องก็เยี่ยมมาก- ได้อารมณ์ใน 2 ด้านหลักๆ แฟนเก่าที่หยั่งรากลึกสำหรับโนบิตะและชิซูกะจะต้องพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งและได้รับการจัดการอย่างดี ในขณะที่ฉันยังต้องการภาคต่ออีก แต่นี่เป็นจุดจบที่เหมาะสมสำหรับฉัน
เป็นยังไงกันบ้างละครับน้ำตาแตกกันไปอีกเรื่องนะครับ เดินทางกันมาอย่างอยาวนานก็จบกันไปสักที ส่วนใครที่ชอบการรีวิวของผมนั้นอย่าลืมมาคอยติดตามได้ที่นี่ที่เดียว เว็บรีวิวหนัง