รีวิว Raya and the last dragon 

ได้ยินข่าวคราวของแอนิเมชันดิสนีย์อย่าง Raya and the last dragon นับว่าจับความสนใจคนอาเซียนได้ไม่น้อยเพราะเล่นประกาศว่าตัวคาแรกเตอร์รายาและตัวละครประกอบต่างได้แรงบันดาลใจจากเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และในวันนี้ที่หนังได้เข้าฉายอย่างเป็นทางการ เราจะได้รู้ผลลัพธ์แล้วล่ะว่าตกลงรายาเป็นคนไทยหรือคนชาติไหนกันแน่ ดูได้ที่ ดูหนัง

 

รีวิว Raya and the last dragon

 

พูดถึงเนื้อเรื่องเเรกกันก่อนตัวหนังเปิดด้วยตำนานเมืองคูมันดราดินแดนยิ่งใหญ่ที่มีสายน้ำผ่านจนเกิดเป็นอวัยวะมังกร 5 เมืองได้แก่ กรงเล็บ เขี้ยว สันหลัง หัวใจ และ หาง แต่เมื่ออสูรร้ายอย่างดรูนบุกโลกเหล่ามังกรจึงพร้อมใจกันต่อสู้สละชีวิตทิ้งไว้เพียงอัญมณีแห่งมังกรที่เก็บอยู่ในเมืองของเผ่าหัวใจ

และเมื่อกาลเวลาผันผ่านร่วมไป 500 ปี เบญจา (แดเนียล แด คิมให้เสียงพากย์) หัวหน้าเผ่ามังกรคิดรวมเผ่าสร้างคูมันดราอีกครั้งจึงเปิดบ้านเชิญเผ่าต่าง ๆ เข้ามาและมันทำให้ รายา (เคลลี มารี ทราน ให้เสียงพากย์)

เจ้าหญิงเผ่าหัวใจ ได้พบกับ นัมมาอารี (เจมมา ชานให้เสียงพากย์) เจ้าหญิงเผ่าเขี้ยว จนเกิดความโกลาหลขึ้นเมื่อฝ่ายหลังใ้ช้มิตรภาพหลอกล่อเพื่อชิงอัญมณีแห่งมังกรจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ และปลดปล่อยดรูนออกมากัดกินและทำให้ผู้คนถูกสาปแข็งเป็นหินอีกคร้้ง และเพื่อแก้ไขเรื่องทั้งหมดรายาจำต้องรวบรวมเศษอัญมณีจากเมืองต่าง ๆ เพื่อปลุกชีพมังกรและถอนคำสาปให้มนุษย์หินกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

เอาเป็นว่าก่อนจะไปตัดสินว่ารายาเป็นคนชาติไหน  เราควรมาทำความเข้าใจในหลักการคิดเรื่องเสียก่อน เอาเข้าจริงคือพลอตเรื่องนี่มาทาง Brave ของฝั่งพิกซาร์ไม่น้อยและมันก็ยังเดินตามไบเบิลหนังทำเงินของดิสนีย์แทบทุกกระเบียดนิ้วโดยเฉพาะตัวละครน่ารักที่มาแย่งซีนโดยเฉพาะ คราวนี้ Raya ก็ขนมาเพียบทั้งเจ้าตุ๊กตุ๊กสัตว์ที่ผสมทั้งความบ้องแบ๊วของหมาตัวเหมือนเม่นและกลิ้งได้เหมือน BB8 ใน Star Wars แถมด้วยเหล่าแก๊งจอมโจรผ้าอ้อมสุดแสบ นำโดยน้อยทารกสาวแสบที่เธอพบในเผ่ากงเล็บ ไม่นับรวมพวกแมวยักษ์ของเผ่าเขี้ยวอีก โอ้โหคือแทบจะสำลักความปุกปุยบ้องแบ๊วกันทั้งเรื่องก็ว่าได้

 

 

และแน่นอนว่าความประสบสำเร็จของดิสนีย์มักมีประเด็นที่ต้องการสื่อเสมอโดยเฉพาะ Raya เองก็มีประเด็นเรื่องความไว้ใจที่หนังเองก็ช็อกคนดูด้วยฉากเปิดเรื่องที่เต็มไปด้วยหายนะที่น่าตกใจไม่น้อย และมันให้ภาพด้านลบกับความไว้ใจมาก ๆ จนมันนำไปสู่เควสต์ของนางเอกที่ต้องกอบกู้สถานการณ์โดยประเด็นเรื่องความไว้ใจเป็นธีมที่ร้อยรัดกันไปทั้งเรื่องแต่สิ่งหนึ่งที่หนังไม่อาจสร้างความไว้ใจให้เราได้เลยคือโจทย์ของวัฒนธรรมที่หนังเอามานำเสนอนี่แหละ

นี้คือสิ่งที่คิดว่าน่าสนใจมากและชวนคิดต่อมาก คือการพยายามสร้างโลกและเรื่องราวที่อิงกับความเป็นอาเซียนนี่แหละ ที่ดิสนีย์ก็ไม่ได้เอาวัฒนธรรมมาทื่อ ๆ หรอกนะครับแต่ปน ๆ กันให้เราจับนู่นผสมนี่คิดเอาเองว่ามาจากชาติไหนดังนั้นเราจึงเห็นหน้าตาตัวละครที่โครงหน้าคล้ายคนฮาวายจาก Stitch & Lilo มาอยู่ในชุดคล้ายคนอินโดนีเซียมั่ง เวียดนามมั่ง

เดินอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศแบบเกาะบาหลี แต่ชื่อตัวละครปน ๆ มีทั้งลาว – ไทยอย่าง น้อย ทอง บุญ ตุ๊กตุ๊ก (แต่มังกรชื่อ ซิซู นะ) บวก ๆ มั่ว ๆ กับชื่อประหลาด ๆ ที่ไม่คุ้นเลยว่าจะเป็นคนอาเซียนแต่หากมองดูดี ๆ เราจะพบว่า Raya อาจกำลังวิพากษ์บางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์มากสำหรับคนอาเซียนนั่นคือการหาเรื่องทะเลาะกันเอง

รีวิว Raya and the last dragon

เเต่ที่แน่นอน เเน่ ๆ เลยว่าแต่ละชาติย่อมจะต้องตีความเข้าข้างตัวเองแน่นอนว่าดิสนีย์หยิบวัฒนธรรมของชาติตนอะไรบ้างไปแอปพลายนำเสนอในแอนิเมชันที่จินตนาการจัด ๆ แบบนี้ลำพังอย่างชื่อตัวละครน้อยเด็กทารกที่ไม่พูดเลยและอยู่แต่กับลิงเนี่ยชวนสงสัยมากเพราะเอาจริง ๆ จะน้อย ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว Raya and the last dragon

 

จะทอง จะบุญ หรือตุ๊กตุ๊กก็ยากจะตัดสินแล้วว่าชื่อแบบนี้คือชื่อคนไทยหรือลาวเพราะเรามีวัฒนธรรมร่วมที่มีความใกล้เคียงกันมากหรือกระทั่งอินโดนีเซีย มาเลเซียเองก็มีความคล้ายกันมาก ๆ จนในสายตาฝรั่งที่แม้ทีมงานบทจะมีชื่อคนเชื้อสายเอเซียอยู่ ก็ยากจะแยกออกจนทำให้หนังดูมีความเป็นพหุวัฒนธรรมที่กลมกลืนกันจนยากจะแยกว่าเอามาจากชาติไหน

แต่ก็ยังแปลกไม่น้อยที่หนังหยิบเอาประเด็นการรวมกันเป็นปึกแผ่นมาพูดควบคู่ไปกับประเด็น “ความไว้ใจ” ที่หนังเอาเป็นธีมหลักของเรื่องราวยิ่งพิจารณาจากนโยบายเขตเศรษฐกิจอาเซียนที่ตั้งแต่ก่อตั้งปี 2510 ยาวมายัน 2553 หรือ 11 ปีก่อนเราแทบ

“ไม่เคยมีหัวใจเดียวกัน” สักเรื่องไม่ว่าจะเป็นกำหนดการเปิดเรียนหรือการตกลงเรื่องการค้าที่เป็นรูปธรรมเราได้แค่ “เศษเสี้ยว” ของผลประโยชน์ไม่ต่างจากอัญมณีแห่งมังกรที่หล่นแตกตอนต้นเรื่องดังนั้น Raya and the last dragon ก็เหมือนบทเรียนอาเซียนในอุดมคติที่อเมริกาเหมือนแซะเราว่า เมื่อไหร่จะมีใครเริ่มเสียที

รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก

Kumandra เคยเป็นอาณาจักรที่สงบสุขของผู้คนและมังกรที่อาศัยอยู่อย่างกลมกลืน เมื่อ 500 ปีก่อน จู่ๆ Druun ก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อเปลี่ยนผู้คนและมังกรให้กลายเป็นหิน มังกรตัวสุดท้าย Sisu (Awkwafina) สร้างอัญมณีมังกรเพื่อเอาชนะ Druun และคืนผู้คนจากหิน ไม่ใช่ของมังกรรอดชีวิตและโลกถูกแบ่งออกเป็นห้าฝ่ายสงคราม 500 ปีต่อมา ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

รายา (เคลลี่ มารี ทราน) เป็นเจ้าหญิงแห่ง Heart Clan กำลังเรียนรู้ที่จะเป็นผู้พิทักษ์อัญมณีคนต่อไป ขณะที่พ่อของเธอพยายามจะรวมกลุ่มกันอีกครั้ง รายาก็ถูกหักหลังและอัญมณีก็แตกออกเป็นห้าชิ้น Druun ถูกปล่อยกลับสู่โลก หกปีต่อมา รายาอยู่ในภารกิจเพื่อค้นหามังกรตัวสุดท้ายท่ามกลางภูมิประเทศที่เลวร้าย

อนิเมชั่นของดิสนีย์เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งกับเหล่าเจ้าหญิงในดินแดนที่เคยมีมังกร หลังจากที่พ่อของเธอกลายเป็นหินและสิ่งประดิษฐ์เวทย์มนตร์ถูกผู้ปกครองของประเทศอื่นยึดครอง Raya (Kelly Marie Tran) ออกเดินทางสู่ฮีโร่เพื่อฟื้นฟูมังกร รวมดินแดน ทำให้พ่อของเธอตกต่ำและแก้แค้น เจ้าหญิงอีกคน (เจมม่า ชาน) ที่เป็นต้นเหตุของพวกฟูฟารอว์ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะกระปรี้กระเปร่าและโกรธเกรี้ยวเกินไปและทำให้เทพนิยายซับซ้อนที่จะยัดคอของคุณในเก้าสิบนาที โทลคีนต้องการหนังสือเด็กเล่มใหญ่และไตรภาคสามเล่มอ้วนๆ

เพียงเพื่อมอบ Middle Earth เวอร์ชัน Reader’s Digest ให้คุณ จากนั้นมังกรก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทีที่เบ้อย่างระมัดระวังและเสียงเด็กเอี๊ยด (อควาฟิน่า) ที่ทำให้ฉันหลงใหลและเรื่องราวก็เริ่มพลิกกลับ และในขณะที่มันไม่เคยสูญเสียความไร้เดียงสาโดยเจตนา แต่ในที่สุดมันก็ถูกรวบรวมโดยผู้เชี่ยวชาญที่รู้วิธีทำให้ฉันน้ำตาไหล ดังนั้นถึงแม้จะไม่ใช่หนังที่ดี แต่ก็เป็นหนังที่ดีและผู้ปกครองก็จะเบื่อหน่ายกับการเล่นให้ลูกวัยเตาะแตะ

ฉันตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้นั่งดู “รายากับมังกรตัวสุดท้าย” อย่างแน่นอน และฉันต้องยอมรับว่าฉันมีความคาดหวังบางอย่างสำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นปี 2021 เรื่องนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย และดิสนีย์ก็มาพร้อมกับภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้อย่างแน่นอน ฉันจะให้พวกเขามากขนาดนั้น ใช่ “Raya and the Last Dragon” เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่สนุกสนานในหลาย ๆ ด้าน อย่างแรกเลย โครงเรื่องนั้นดี และเป็นเรื่องที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาและน่าติดตาม มันไม่ได้รกไปด้วยพล็อตเรื่องรองและเรื่องย่อยมากมาย ไม่มันตรงไปตรงมาและตรงประเด็น อย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

แต่บางทีนั่นอาจเป็นดาบสองคม เพราะนั่นอาจหมายความว่าโครงเรื่องไม่ได้ให้มากเท่าที่คนบางคนจะมีได้? แต่เดี๋ยวก่อนฉันได้รับความบันเทิง ตอนนี้ หากคุณมีความสนใจในวัฒนธรรมและตำนานของเอเชีย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะมีชีวิตใน “รายากับมังกรตัวสุดท้าย” จากนั้นก็มีตัวละคร อันที่จริง มีตัวละครที่น่ารักและน่ารักมากมายที่นี่ ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตที่เหมือนลิงตัวเล็กไปจนถึงมังกรที่สง่างาม และทุกสิ่งในระหว่างนั้น ฉันชอบตัวละคร Raya และ Sisu มังกรมาก

“Raya and the Last Dragon” มีแอนิเมชั่น CGI ที่ดูน่าทึ่งและน่าทึ่ง ว้าว. เมื่อได้นั่งชม “รายา กับ มังกรตัวสุดท้าย” ปี 2021 เตรียมตัวตื่นตาตื่นใจ ฉันรู้สึกทึ่งกับ CGI และรูปแบบศิลปะที่น่าประทับใจที่พวกเขาใช้สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ มันดูสมจริงมาก ในขณะที่ยังคงความรู้สึกว่ามันเป็นแค่ภาพยนตร์แอนิเมชั่น แต่ว้าว สีสัน รายละเอียด ความคมชัดของทุกอย่าง และไดนามิกที่ลื่นไหล เพิ่งทำให้โลกอนิเมชั่นทั้งโลกมีชีวิตชีวาขึ้นในลักษณะที่น่าเชื่อถือและสมจริง ยกนิ้วให้ ทาง ขึ้นไปยังแผนก CGI ที่นี่ และด้วยการที่ “รายากับมังกรตัวสุดท้าย” เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่น แน่นอนว่าการเลือกนักพากย์เสียงที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ และใช่ พวกเขามีสิ่งนั้นที่นี่อย่างแน่นอน กับนักพากย์ชาวเอเชียส่วนใหญ่

ยอมรับว่าประทับใจ และฉันดีใจที่ได้เห็น – ในทางเทคนิค – ได้ยินแล้ว – Kelly Marie Tran กลับมาที่หน้าจอ ฉันไม่คุ้นเคยกับ Awkwafina แต่เธอเก่งการแสดงเสียงของ Sisu จริงๆ หากคุณกำลังจะดูภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องเดียวในปี 2564 ปล่อยให้เป็น “รายาและมังกรตัวสุดท้าย” เชื่อฉัน ข้อเสนอนี้มีบางอย่างสำหรับทั้งครอบครัว ฉันนั่งดูสิ่งนี้กับลูกชายวัย 11 ขวบของฉันและเราทั้งคู่ต่างก็รักมัน เรตติ้งของ “รายากับมังกรตัวสุดท้าย” ของฉันได้คะแนนแปดในสิบที่สมควรได้รับ ตอนแรกฉันจะให้คะแนนมันเจ็ด แต่ CGI ที่น่าประทับใจทำให้เกมนี้ดีขึ้นจริงๆ

การ์ตูนเรื่องนี้ครบรส ออกแนวผจญภัย ตื่นเต้น ถ้าหากชอบการรีวิวของเรา โปรดกดติดตามการรีวิวด้วยนะคะ ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง