รีวิว MULAN นักรบหญิงแห่งดิสนีย์

 

 

สวัสดีครับผมวันนี้มาพบกันกับหนึ่งในเจ้าหญิงหแห่งดิสนีย์กันนะครับซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องอะไรนอกจากเจ้าหญิงฉบับคนแสดงล่าสุดอย่าง Mulan นั้นเองครับถึงจะเป็นฉบับหนังแล้วยังมีการเกี่ยวข้องกับประเทสจีนก็ตามแต่ก็ใช่ว่าจีนเขาจะสนับสนุนนะครับเพราะตัวนักแสดงหลักของ เราดันไปพูดไม่ดีเกี่ยวกับประเทศจีนไว้ครับ เลยส่งผลต่อรายได้ของหนังไปเย่อะอยู่เหมือนกัน เอาละเราไปเข้าเรื่องการเลยดีกว่าครับเกริ่นนำกันมามากพอสมควรแล้วครับไปลุยกันเลยครับ ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

ขอเราย้อนกลับไปปี 1998 ดิสนีย์ได้พยายามเจาะตลาดเอเซียด้วยแอนิเมชันที่หยิบตำนานวีรสตรีของจีนอย่าง ฮัวมู่หลาน มาดัดแปลงจัดแต่งมันภายใต้รูปแบบดิสนีย์นิยมที่มาเต็มทั้งสัตว์พูดได้ มุกตลกแบบการ์ตูนและความเวียร์ดถึงขั้นมีมังกรที่รูปร่างเหมือนกิ้งก่าพูดได้มาคอยเป็นผู้ช่วยของมู่หลาน ซึ่งแน่นอนล่ะว่ามันก็สร้างความไม่พอใจกับคนจีนจนล้มเหลวด้านรายได้ตอนออกฉาย

แต่ในส่วนสำหรับตลาดแอนิเมชันโลกโดยเฉพาะเอเซียมันกลับสร้างความนิยมให้กับเด็ก ๆ ในยุคนั้น ลามไปถึงปรากฎการณ์สำคัญคือมันได้กลาย “การ์ตูนตัวแม่” สำหรับบรรดากะเทยด้วยเพลง Reflection ที่ส่งเหลือเกินกับเนื้อหาการปิดบังตัวตน และพลอยส่งให้ชื่อของคริสตินา อากีเลราดังเป็นพลุแตกในฐานะคนร้องเพลงนี้ (และแม่ของเหล่ากะเตย) และสำหรับผมเองความทรงจำเดียวที่มีต่อ MULAN เวอร์ชันนั้นก็แค่เพลงนี้นี่แหละครับ 555

 

รีวิว MULAN นักรบหญิงแห่งดิสนีย์

 

รีวิว MULAN นักรบหญิงแห่งดิสนีย์

แต่กระนั้นในปี 2020 นี้ ดิสนีย์คงตระหนักได้จากการทดลองเอาของเก่ามาหากิน เอ้ย ! ดัดแปลงแอนิเมชันให้กลายเป๋็นหนังคนแสดงหรือเรียกหรู ๆ ว่าไลฟ์แอ็กชัน (Live Action) ทั้ง The Jungle Book, Aladdin และ The Lion King โกยเงินเข้ากระเป๋าได้แบบไม่ต้องคิดเยอะเลยว่าแอนิเมชันอย่าง MULAN เองก็ไม่ยากนี่หว่าที่จะเอามาทำเป็นหนังคนแสดงเรื่องต่อไปแต่อนิจจาตัวหนังก็ดันสร้างประวัติศาสตร์ในตัวมันเองแบบไม่ตั้งใจเสียด้วย ทั้งหลิวอี้เฟยที่ออกมาโพสต์สนับสนุนให้ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงในฮ่องกงจนเกิดกระแสแบนหนังในประเทศต่าง ๆ และการตัดสินใจของดิสนีย์ที่เอาหนังลงสตรีมมิงแทนการออกฉายที่อเมริกา อย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

และการกลับมาที่หนังกันดีกว่า..แน่นอนว่า MULAN ตามชื่อเรื่องก็คือฮัวมู่หลาน(หลิวอี้เฟย)ที่ลอบปลอมตัวเป็นชายออกรบแทนฮัวโจว(จื่อมา)บิดาแก่ชราในศึกเพื่อปกป้องประเทศและราชบัลลังก์ของฮ่องเต้ (เจ็ตลี หรือ หลี่เหลียนเจี๋ย)จากบอริข่าน(เจสัน สก็อต ลี)ที่มีเซียนเหนียง (กงลี่) แม่มดอาคมแก่กล้าที่สามารถแปลงร่างเป็นเหยี่ยวดำที่กรีฑาทัพไปที่ใดก็มีแต่ความตาย จนมู่หลานและเหล่าทหารภายใต้การฝึกของผู้การถัง(ดอนนี เยนหรือเจิ้งจือตัน) ต้องต้านทัพของศัตรูตัวฉกาจก่อนจีนจะสิ้นแผ่นดิน

จากในตัวอย่างหนังเราคงพอได้เห็นแล้วว่าฉบับไลฟ์แอ็กชันนี้จะเน้นความสมจริงและการออกแบบฉากต่อสู้ให้ดูตื่นตาและไม่ทิ้งความแฟนตาซีเพื่อความตื่นใจ แต่การหยิบเอาตำนานจีนที่เป็นที่รู้จักกลับมาเล่าโดยมีโจทย์ค้ำคอคือต้องคงโทนแบบดิสนีย์อยู่ก็นับว่าท้าท้ายทีมงานไม่น้อยโดยเฉพาะทีมเขียนบท 1 ชาย 3 หญิงที่ไม่ได้มีเชื่อสายจีนเลยสักคน ซึ่งผลลัพธ์ก็น่าทึ่งไม่น้อยเลยกับการถักทอและพาเรื่องราวของมู่หลานมาไกลกว่าฉบับแอนิเมชันมาก ๆ

โดยยังคงไว้ซึ่งฉากสำคัญ ๆ ของฉบับแอนิเมชันแต่นำมาตีความใหม่ให้เหมาะกับฉบับหนังซึ่งส่วนตัวมองว่าดีกว่าการตามการ์ตูนจนเป๋เหมือน The Lion King ที่ผ่านมาซึ่งตัวหนังเปลี่ยนรายละเอียดทั้งชื่อตัวละครตัดประเด็นโรแมนติกระหว่างมู่หลานกับนายกองออก และแน่นอนตัดมูซูมังกรแดงพูดได้ออก ยังมีคิวบู๊ที่น่าประทับใจประหนึ่งทีมสตันท์ได้ดูเดชคัมภีร์เทวดาของเฉินเสี่ยวตงแล้วมาลองเล่นกันดูเพราะมันทั้งพิสดารและชวนตื่นตาจนมู่หลานฉบับนี้ไม่ต่างจากหนังกำลังภายใน ที่สำคัญบทหนังยังปูพื้นวัฒนธรรมจีนได้อย่างเข้าอกเข้าใจและไม่ขัดความรู้สึกผมในฐานะที่มีเชื้อสายจีนคนหนึ่ง

 

 

โดยเฉพาะในส่วนการสำรวจผู้หญิงในวัฒนธรรมจีนที่เกียรติยศสูงสุดต่อครอบครัวคือการออกเรือนซึ่งแม้จุดนี้ฉบับแอนิเมชันจะมีการเอ่ยถึงมาแล้วแต่สำหรับฉบับหนังก็มีการเพิ่มรายละเอียดที่น่าสนใจโดยเฉพาะการเปิดเรื่องที่มู่หลานตอนเด็กกำลังวิ่งไล่จับไก่และเผลอแสดงลมปราณออกมาจนพ่อต้องขอให้เธอเก็บพลังของเธอไว้เป็นความลับเพื่อให้เติบโตในฐานะบุตรีที่จะออกเรือนกับชายหนุ่มในอนาคต

ซึ่งก็ถือเป็นการสร้างซีนเปิดเรื่องที่ชาญฉลาดอย่างยิ่งและตลอดเรื่องก็จะมีประโยคที่เธอถูกพูดใส่ตลอดนั่นคือ Know Your Place หรือ การวางตนให้เหมาะสมซึ่งเป็นกรอบธรรมเนียมวัฒนธรรมจีนที่กดผู้หญิงให้ไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนักและในขณะเดียวกันซีนเปิดเรื่องนี้ยังช่วยอุดรูรั่วให้กับประเด็นความเก่งกาจของมู่หลานในฉบับหนังที่ไร้ซึ่งมังกรแดงพูดได้อย่างมูซูมาช่วย (แต่มีนกฟีนิกซ์ประจำตระกูลที่บินโฉบมาจากไหนไม่รู้แทน 555)

ถึงกระนั้นแล้วก็ใช่ว่าตัวหนังจะเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดหรือมาการเมืองจ๋านะครับตรงกันข้ามเลยเพราะแม้งานกำกับของนิกิ คาโรจะยังคงความเฟมินิสต์เหมือนหนังชิงออสการ์ของเธอทั้ง Whale Rider (2002) และ North Country (2005) จนทำให้มู่หลานเวอร์ชันนี้มีคาแรกเตอร์ที่ดูแข็งแรงและเปี่ยมพลังหญิงแค่ไหนก็ตาม และเธอก็ยังคงทำให้หนังอยู่ในบล็อกของดิสนีย์ได้อย่างไม่ขัดเขินแถมยังทำให้หน้าหนังที่คนจีนมาพูดฝรั่งเรื่องนี้รอดจากความเสร่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ

โดยเฉพาะในส่วนการเน้นย้ำประเด็นที่อยู่ในบทอย่าง Royal Brave and True หรือความภักดี หาญกล้าและสัตย์จริง โดย นิกิ คาโร สามารถตีความมันมาเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านของมู่หลานได้อย่างหนักแน่นโดยเฉพาะการแสดงของหลิวอี้เฟยที่เชื่อว่าน่าจะถูกกำกับอย่างหนักหน่วงจนบทดราม่าและซีนบู๊ดูไม่ขัดเขินเลย ที่สำคัญคือฉากแอ็กชันในหนังดูแล้วแทบไม่เชื่อว่ามาจากทั้งผู้กำกับหญิงอย่าง นิกิ คาโร และ ตากล้องหญิงอย่าง แมนดี วอล์กเกอร์ เพราะออกมาตื่นตาตื่นใจมากใครเป็นคอหนังกำลังภายในนี่มีฟินแน่นอน

และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คืองานดนตรีประกอบโดย แฮรี เกร็กสัน วิลเลียมส์ ที่ใช้การตีความจากหนังมาทำเพลงได้อย่างยอดเยี่ยม น่าจะเป็นหนึ่งในสกอร์ที่ดีที่สุดของปีนี้ได้เลย และโดยเฉพาะโจทย์นึงที่แฟน ๆ ของ MULAN คิดว่าพลาดไม่ได้อย่างการตีความเพลง Reflection ให้ออกมาต่างจากแบบมิวสิคัลเหมือนในแอนิเมชัน ก็บอกเลยว่าสกอร์ของเขาเมื่อปรากฎในจังหวะหนังที่ใช่มันทรงพลังมาก ๆ ครับรับรองไม่ผิดหวัง

เอาละครับขอทิ้งท้ายรีวิวคงไม่มีอะไรมากนอกจากรู้สึกว่าเมืองไทยโชคดีมากที่ดิสนีย์ประเทศไทยตัดสินใจเอาหนังเข้าฉายโรงเพราะตัวหนังถูกออกแบบมาให้ดูในโรงจริง ๆ ที่สำคัญคือหนังเองก็รวมดาราเอเซียคนสำคัญไว้นอกจากหลิวอี้เฟยแล้วก็ยัง เจิ้งจือตัน หรือ ดอนนี่ เยน ที่ดังจากหนังปรมาจารย์ยิป มัน หรือจะเป็น กงลี่ สาวสวยสองพันปีในบทแม่มดที่ปังมากฟาดมาก และที่โดนใจเด็กยุค 90s มากแต่อาจต้องขยี้ตาหน่อยคือการปรากฎตัวของ หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ เจ็ต ลี ในบทฮ่องเต้ที่หน้าตาดูชราไปเยอะแต่ยังคงรัศมีดาราใหญ่อยู่ สรุปง่าย ๆ คือ MULAN ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ครับ ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว MULAN นักรบหญิงแห่งดิสนีย์

 

รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก

เห็น ‘Mulan’ ในปี 2020 ในฐานะแฟนตัวยงของดิสนีย์ แม้ว่าการแสดงสดล่าสุดของพวกเขาจะผสมกันมากและไม่มีใครดีเท่าต้นฉบับ แต่ภาพยนตร์แอนิเมชั่นหลายเรื่องของพวกเขาเป็นตัวอย่างที่ดีของการทำแอนิเมชั่นให้ถูกต้อง เมื่อดูจากชื่อ โฆษณา และผลงานของดิสนีย์แล้ว มันง่ายมากที่จะคิดว่านี่เป็นหนึ่งในรีเมคฉบับคนแสดงจริง ไปดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

และมันง่ายว่าทำไมจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นหนึ่งในนั้น ส่วนหนึ่งของฉันคือคนที่คลั่งไคล้ในภาพยนตร์ปี 1998 แต่ก็กังวลเช่นกันเมื่อเห็นความเกลียดชังในภาพยนตร์และสำหรับนักแสดงนำ เมื่อได้เห็น ‘มู่หลาน’ ฉันไม่ได้รู้สึกว่าเป็นรีเมคฉบับคนแสดงจริง และไม่มีดิสนีย์มากมายในสายตา นอกเหนือจากชื่อและการอ้างอิงถึงคะแนนของภาพยนตร์ปี 1998 ที่ฝังอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้

สำหรับฉันมันกลับกลายเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของตัวละครและเรื่องราวของเธอ และอีกหนึ่งเรื่องที่จริงจังและไม่เป็นมิตรกับครอบครัว ดังนั้นการเปรียบเทียบภาพยนตร์ทั้งสองโดยตรงจึงไม่ทำให้ฉันรู้สึกว่าถูกต้อง ในขณะที่ความผิดหวังที่แสดงออกมานั้นเป็นที่เข้าใจได้ เนื่องจากมีข้อบกพร่องใหญ่ให้พบและแน่นอนว่าไม่มีเสน่ห์ หัวใจ และความตื่นเต้นเท่าหนังปี 1998

สำหรับผม ‘มู่หลาน’ ไม่ได้แย่ขนาดนั้นและไม่สมควรได้รับ ของการฟันเฟืองที่รุนแรงก่อนที่จะถูกปล่อยออกมาด้วยซ้ำ เมื่อเห็นว่าความคิดเห็นส่วนตัวของ Yifei Liu มี/ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดิสนีย์หรือทีมงานภาพยนตร์ ‘มู่หลาน’ ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เห็นด้วยกับที่บอกว่าบทพูดเยอะค่อนข้างแย่ มีแนวโน้มว่าเสียงสูงส่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประจบประแจงและแหวกแนวมาก พยายามสร้างอารมณ์ขันประปรายกับทหาร และเน้นหนักเกินไปในการเน้นตัวละคร ‘ ค่า. เห็นด้วยอย่างซื่อสัตย์ กล้าหาญ และจริงใจ ไม่จำเป็นต้องเน้นมากนัก ประเด็นก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วทีเดียว มีบางอย่างในโครงเรื่องที่ฟังดูน่าสนใจอย่างผิดปกติบนกระดาษ แต่ทำน้อยเกินไปด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนกฟีนิกซ์ซึ่งไม่ได้เพิ่มเติมอะไรเลย ทั้งเซียนเนียงและโบริข่านรู้สึกเหมือนเป็นตัวละครที่ด้อยพัฒนา อดีตมีท่าทีดีขึ้นเพราะเธอดูลึกลับและมีเสน่ห์พอสมควร แต่แรงจูงใจของเธอก็ค่อนข้างสับสนในภายหลัง (โดยที่ยังไม่ชัดเจนว่าเธออยู่ฝ่ายไหน) เธอค่อนข้างจะเป็นอุปกรณ์วางแผนมาและไป

และฉากสุดท้ายของเธอให้ความรู้สึกมาก รีบ โบริ ข่านมีรูปลักษณ์ที่ข่มขู่แต่ไม่ค่อยได้ใช้ และแรงจูงใจของเขาเป็นสิ่งเดียวที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเขา ไม่ชอบความพ่ายแพ้ของเขาอย่างง่ายดายและฉากที่ดูงุ่มง่าม โดยทั่วไปแล้ว ตัวละครสามารถทำได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น มู่หลานและโจวคือตัวละครที่ใกล้เคียงที่สุด และภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำได้ด้วยจิตวิญญาณที่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ‘มู่หลาน’ ก็ดูดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดดเด่นด้วยภาพประวัติศาสตร์ที่สวยงามอย่างแท้จริงและทัศนียภาพที่ตระหง่านที่สุด มีสีสันและบรรยากาศมากมายในการถ่ายภาพ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากจางอี้โหมวอย่างชัดเจน และเครื่องแต่งกายก็ดึงดูดสายตา CGI ไม่ได้ดูมากเกินไปและดูไม่ถูกอย่างแรง แฮร์รี เกร็กสัน-วิลเลียมส์แต่งเพลงได้เร้าใจและมีแกนทางอารมณ์ที่หรูหรา

และยังสนุกกับการฟังการอ้างอิงถึงเพลงจากภาพยนตร์ปี 1998 Niki Caro ส่วนใหญ่กำกับด้วยความมั่นใจ โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกประทับใจกับการเคลื่อนไหวที่ออกแบบท่าเต้นอย่างสวยงามและถ่ายภาพแบบไดนามิก เมื่อจำเป็นต้องตึงเครียด เมื่อใดจำเป็นต้องเคร่งเครียด ก็ต้องกระตุ้นเมื่อจำเป็น โดยเฉพาะการต่อสู้ครั้งใหญ่และหิมะถล่ม

 

 

มันง่ายที่จะรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง ความเจ็บปวด และความอุตสาหะที่จำเป็นในการผ่านการฝึกทั้งหมดนั้น มีเพียงการประลองครั้งสุดท้ายเท่านั้นที่กลายเป็นเรื่องไร้สาระ เรื่องราวไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็มีส่วนร่วมมากพอ ทึ่งในแง่มุมทางวัฒนธรรมและได้แรงบันดาลใจจาก Mulan ที่ยังคงเป็นตัวละครที่แข็งแกร่ง (แม้ว่าเธอจะไม่ได้เติบโตมากหรือเดินทางตามตัวละครมากเท่ากับ Mulan ที่เป็นแอนิเมชั่นก็ตาม เปรียบเทียบ)

แม้ว่าการกลับมาพบกันอีกครั้งของพ่อ-ลูกสาวจะมีพลังทางอารมณ์มากกว่าก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนที่นี่ ยิ่งกว่านั้นการแสดงก็ไม่ได้แย่สำหรับฉันเลย หลิวเป็นผู้นำที่มั่นใจ นำอำนาจและความอ่อนแอมาสู่มู่หลาน ซึ่งเหมาะสำหรับนางเอกในอุดมคติคนนี้ ดอนนี่ เยนและเจ็ท ลีเป็นบุคคลผู้มีอำนาจที่แข็งแกร่ง และเจสัน สก็อตต์ ลีก็ใส่อันตรายบางอย่างเข้ามายังบทบาทที่ด้อยพัฒนาของเขา การแสดงของจื่อหม่าแสดงได้ชัดเจนในความแตกต่าง มากกว่าหนึ่งครั้งโดยไม่พูดอะไรสักคำ หลี่กงดูยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งมีเสน่ห์และลึกลับ ทั้งที่ตัวเธอเองนั้นไม่ใช่เนื้องๆ การแสดงของกงค่อนข้างซับซ้อน

เอาละครับก็จบกันไปแล้วนะครับสำหรับเจ้าหญิงดิสนีย์ฉบับคนแสดงเรื่องล่าสุดนั้นก็โดยรวมก็ยังถือว่าดีนะครับตามฉบับของดิสน์ยเขาถ้าไม่นับเรื่องดราม่าละนะ 555 ยังไงใครก็ตาม ที่เป็นคอหนังสายเจ้าหญิง ก็อย่าพลาดไปชม Mulan กันนะครับ และก็ยังไงก็ตามถ้าหากชอบการรีวิวของผม ก็อย่าลืมมาคอยติดตามได้ที่เว็บรีวิวหนัง เว็บรีวิวหนัง