รีวิวซีรีส์ Hawkeye ส่งไม้ต่อตาเหยี่ยว

 

 

ซีรีส์ Hawkeye (ฮอว์กอาย คู่ซ่าธนูป่วน) มินิซีรีส์อเมริกัน สร้างขึ้นสำหรับดิสนีย์+ โดย Jonathan Igla สร้างจากตัวละครมาร์เวลคอมิกส์ที่มีชื่อเดียวกัน โดยเป็นซีรีส์เรื่องที่สี่ของดิสนีย์พลัสที่อยู่ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) เนื้อเรื่องมีความต่อเนื่องกับภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ของแฟรนไชส์  โดยมี Igla รับหน้าที่เป็นหัวหน้านักเขียนบท โดยมี Bert & Bertie และ Rhys Thomas เป็นผู้กำกับทั้งหมด 6 ตอน เนื้อเรื่องเกิดขึ้นเล่าระหว่าง อเวนเจอร์ส ภาคแรก และหลังจากเหตุการณ์ อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก ในปี 2019 และแบล็ควิโดว์ ในปี 2021

 

รีวิวซีรีส์ Hawkeye

 

บอกเล่าผ่านตัวละคร เคท บิชอป ตัวละครหญิงสาววัย 22 ที่มีฮอว์กอายเป็นแรงบันดาลใจหลังต้องพบความสูญเสียอันใหญ่หลวงในชีวิตและผลักดันให้เธอกลายเป็นคนที่มีวิชาศิลปะป้องกันตัว รวมไปถึงความถนัดในการใช้ธนูเป็นเลิศที่มักจะก่อเรื่องวุ่นวาย กระทั่งในช่วงคริสต์มาสปี 2024 เธอได้พบกับฮีโร่คนโปรดแต่มันก็มาพร้อมกับปัญหาที่เธอต้องก้าวผ่านร่วมกับเขา โดยซีรีส์นี้ได้คะแนนวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลาม โดยจะเริ่มฉายสองตอนแรกก่อนในอาทิตย์แรก จากนั้นจะเป็นหนึ่งตอนต่ออาทิตย์ครับ

เพิ่งจบไปหมาด ๆ สำหรับ ‘Hawkeye’ ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรส่งท้ายปีและถือเป็นมาร์เวลออริจันัลซีรีส์ของทางดิสนีย์พลัสเรื่องที่ 5 ต่อจาก ‘Wanda Vision’ ‘Falcon and Winter Soldier’ ‘Loki’ และ ‘What If’ โดย ‘Hawkeye’ เลือกนำเสนอในธีมของซีรีส์ฮีโรคริสต์มาสโดยนำตัวละคร คลินต์ บาร์ตัน ที่รับบทโดย เจเรมี เรนเนอร์ (Jeremy Renner) กลับมาจับธนูอีกครั้งเพื่อสอนบทเรียนการเป็นฮีโรให้กับ เคต บิชอป ที่ได้สาวสวยมากความสามารถอย่าง เฮลีย์ สไตน์เฟลด์ (hailee steinfeld) มาสวมบทลูกศิษย์ของหนึ่งในฮีโรของอเวนเจอร์ส ต้องติดตามที่ เว็บดูหนัง

 

 

เริ่มจากจุดเด่นของ ‘Hawkeye’ คงหนีไม่พ้นการที่มันเป็นซีรีส์ที่พูดถึงฮีโรที่ไม่ได้มีพลังพิเศษอย่างคลินต์ บาร์ตันหรือฮอว์กอาย โดยมีจุดร่วมสำคัญของซีรีส์มาร์เวลที่มีตัวละครจากอเวนเจอร์สในปีนี้คือการยอมรับความสูญเสียหลังเหตุการณ์ใน ‘Avengers Endgame’ ทั้งแวนดา แม็กซิมอฟ (ตัวละครที่รับบทโดยเอลิซาเบธ โอลเซน Elizabeth Olsen) ที่เลือกสร้างโลกจากเวทมนตร์ของเธอ เพื่อรับมือกับการสูญเสียคนรัก หรือการที่แซม วิลสัน (รับบทโดย แอนโธนี แมกกี Anthony Mackie) กำลังทำใจรับหน้าที่กัปตันอเมริกาต่อจากสตีฟ โรเจอร์ส

สำหรับบาร์ตัน นอกจากภาวะหูดับที่เป็นผลมาจากการต่อสู้แล้วเขายังต้องทำใจรับการสูญเสียนาตาชา โรมานอฟ (รับบทโดย สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน Scarlett Johansson) และกลับมารับเกียรติที่เขาคิดว่าตัวเองไม่สมควรได้รับจากการช่วยกอบกู้โลก ดังนั้นตอนแรกของซีรีส์เลยมีฉากที่บาร์ตันไปชมมิวสิคัลชื่อ ‘Rogers The Musical’ ที่ทำเพื่อยกย่องสตีฟ โรเจอร์สและเหล่าเอเวนเจอร์ส และบาร์ตันเลือกที่จะปิดเครื่องช่วยฟังเพื่อปิดการรับรู้ก็ถือเป็นฉากที่แสดงให้เห็นปมในใจบาร์ตันได้อย่างชัดเจน

 

 

แต่กระนั้นแล้วศูนย์กลางของเรื่องก็ไม่ได้อยู่ที่บาร์ตันเสียทีเดียวแม้จะมีเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ระยะเวลาของเรื่องราวในซีรีส์คือ 5 วันก่อนคริสต์มาสที่บาร์ตันต้องกลับไปที่บ้านตามสัญญากับครอบครัว แต่กลับเป็นเคต บิชอป ลูกสาวมหาเศรษฐีที่ต้องสูญเสียพ่อไปในสงครามสมรภูมินิวยอร์ค (เหตุการณ์ใน The Avengers ปี 2012) และภาพของบาร์ตันในนามฮอว์กอายที่ทิ้งดิ่งจากตึกแล้วยิงธนูใส่พวกเอเลียนก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอเดินตามรอยนักธนูแบบเขาเพื่อหวังจะได้กลายเป็นฮีโรในสักวัน

จึงเกิดเป็นเรื่องราวแนวครูกับลูกศิษย์ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันและความสนุกของซีรีส์ ก็มาจากช่วงของการเรียนรู้กันและกันของตัวละครนี่แหละครับ และในขณะที่บาร์ตันห่างจากครอบครัวตัวเองเขาก็ได้มีส่วนเติมเต็มให้เคตที่สูญเสียพ่อไปในเหตุการณ์ที่นิวยอร์ก และซีรีส์ก็ชาญฉลาดมากที่ใช้เหตุการณ์สูญเสียของเคตมาเป็นตัวเปรียบเทียบกับกรณีของมายา (รับบทโดย อาลาคัว คอกซ์ Alaqua Cox) ที่พ่อของเธอถูกโรนินฆ่าตายต่อหน้าต่อตา จนทำให้เธอกลายเป็นผู้นำของกลุ่มมาเฟียรัสเซียชุดวอร์มที่คอยตามล่าเคตเพราะเข้าใจว่าเธอคือโรนินหลังจากเธอเอาชุดมาสวมในเหตุชุลมุนนั่นเอง

ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็สร้างช่องโหว่ให้พลอตอย่างช่วยไม่ได้เหมือนกันนะครับ เพราะหากมายากับพรรคพวกฉลาดจริงก็น่าจะสังเกตได้ตั้งแต่แรกแล้วว่ารูปพรรณสัณฐานของเคตและท่าทางการต่อสู้ของเธอไม่ได้ใกล้เคียงกับโรนินเลยด้วยซ้ำ แต่ซีรีส์ก็พยายามเอาตัวรอดไปได้ด้วยการให้พลพรรคเหล่ามาเฟียชุดวอร์มเป็นตัวร้ายแนวตลกแทนเพื่อลดโทนความจริงจังลง

 

รีวิวซีรีส์ Hawkeye

 

และแม้ว่าองค์ประกอบต่าง ๆ จะเอื้อเหลือเกินให้ ‘Hawkeye’ กลายเป็นซีรีส์ฮีโรแนวครอบครัวแต่เมื่อซีรีส์พยายามขมวดปมในช่วงตอนที่ 5 กับตอนที่ 6 ที่สร้างกระแสในอินเทอร์เน็ตมากมายและสร้างการคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาปรากฎว่าตัวละครที่ีมีที่มาดำมืดที่สุดอย่างมายากลับขาดความน่าสนใจไปอย่างน่าเสียดายยิ่งเธอกำลังถูกวางให้รับบทนำในซีรีส์ ‘Echo’ ซึ่งจะสร้างมาจากตัวละครของเธอแล้วก็ยิ่งทำให้เห็นว่า ‘Hawkeye’ ยังนำเสนอตัวละครของเธอได้ไม่ดีเท่าที่ควร

เพราะแทนที่จะไปเน้นกับที่มาที่ไปของมายาที่จะพัฒนาตัวเองไปสู่สถานะของเอ็กโค่ ซีรีส์กลับให้เธอสาละวนกับการทะเลาะกับผู้ชายอย่างคาซี (รับบทโดย ฟรา ฟี Fra Fee) หรือเดอะคลาวน์ ตัวละครนักฆ่าตัวตลกที่ถูกลดสถานะเหลือแค่มือขวาของมายา และการตามล่าบาร์ตันกับบิชอปเพื่อพิสูจน์ว่าเธอและพรรคพวกไร้ฝีมืออย่างสิ้นเชิง ก็ยิ่งทำให้การมีอยู่ของตัวละครมายาดูไม่ค่อยมีความสำคัญมากพอจะมีซีรีส์ ‘Echo’ เป็นของตัวเองนักทั้งที่อุตส่าห์ได้ อาลาคัว ค็อกซ์ นักแสดงสาวที่ทั้งเป็นใบ้และใส่ขาเทียมจริง ๆ มาแสดงฝีมือการแสดงที่บอกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

 

 

รีวิวซีรีส์ Hawkeye ส่งไม้ต่อตาเหยี่ยว

สำหรับในส่วนของตัวละครหลักแล้วแม้เจเรมี เรนเนอร์จะกลับมารับบทคลินต์ บาร์ตันฉบับพีทีเอสดี (PTSD) ได้อย่างน่าเชืื่อถือแต่กลับไม่ได้ต่อยอดเรื่องราวอะไรให้กับตัวละครฮอว์คอายนัก แม้ว่าจะมีตัวละครลอรา บาร์ตันที่ได้สาวสวยอย่าง ลินดา คาร์เดลลินี (Linda Cardellini) กลับมารับบทภรรยาของคลินต์และในซีรีส์ก็มีพูดถึงนาฬิกาโรเล็กซ์ที่เขาต้องไปเอามาจากห้องมายาจนทำให้เราเข้าใจไปว่าจะได้เห็นมอคกิงเบิร์ดคู่หูคู่รักของฮอว์กอายเสียอีกแต่สุดท้ายลอราก็เป็นแค่ตัวประกอบในเรืี่องราวของฮอว์กอายอยู่ดี

จนทำให้เราเป็นห่วงแล้วว่ากรณีของเคต บิชอปจะถูกมาร์เวลทิ้งขว้างอีกหรือเปล่า แต่แล้วกลับผิดคาดเพราะซีรีส์เอื้ออำนวยและให้เวลาเราได้รู้จักกับบิชอปพอสมควรแถมการได้เฮลี สไตน์เฟลด์มารับบทนี้ยังทำให้ตัวละครมีเสน่ห์และน่าติดตามมาก ๆ เพราะสไตน์เฟลด์สามารถทำให้ตัวละครบิชอปหรือลูกศิษย์ฮอว์คอายเป็นตัวแทนของเด็กเจนอัลฟ่าที่ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง ปฏิเสธมรดกที่แม่พยายามให้สืบทอดและยิ่งซีรีส์ดำเนินเรื่องไปแต่ละตอนเราก็ได้เห็นพัฒนาการของตัวละครชัดเจนขึ้นจนน่าชื่นชม

อีกไฮไลต์ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือการนำตัวละครเยเลนากลับมาในตอนที่ 4-6 ซึ่งการมาถึงของฟลอเรนซ์ พิว (Florence Pugh) ที่พาตัวละครของเธอจาก ‘Black Widow’ มาปรากฎตัวก็ทำให้ซีรีส์มีอะไรให้ติดตามมากขึ้นแถมยังเป็นสะพานเชื่อมไปสู่ตอนจบที่มีการเผยโฉมของผู้ร้ายอย่าง คิงพิน (King Pin) อีกด้วย  ติดตามได้ที่ เว็บดูหนังไม่มีโฆษณา

 

 

ท้ายสุดแล้ว ‘Hawkeye’ ก็ยังถือเป็นซีรีส์ที่ดูสนุกและสามารถอยู่ในคอลเล็กชันซีรีส์ที่จะเอามาเปิดแบบต่อเนื่องในเทศกาลคริสต์มาสได้เลยล่ะ แม้ว่าโดยรวมแล้วเหล่าตัวละครจากคอมิกหลายตัวจะน่าผิดหวังที่มันไม่ได้พัฒนาไปสู่ความเป็นฮีโรหรือซูเปอร์วายร้ายที่แฟนคอมิกรู้จักก็ตาม แต่อย่างน้อยการได้เห็นอเวนเจอร์สตัวรองอย่างฮอว์กอายมาสร้างศิษย์เอกที่อาจมีบทบาทใน MCU ต่อไปและการจบเรื่องราวได้ค่อนข้างเหมาะกับเทศกาลคริสต์มาสก็ถือว่าน่าพอใจมากแล้วสำหรับแฟนมาร์เวล

ช่วงใกลล้จบนี่คงเป็นได้เหมือนกับช่วงที่ใกล้จบของหนังเรื่องหนึ่ง และโชคดีที่การเล่าเรื่องของตอนนี้คือเนื้อเน้น ๆ ไม่มีตลกโปกฮา ไม่เล่าตัวละครอื่น แต่ก็สามารถเฉลี่ยบทให้แต่ละตัวมีบทบาทที่สำคัญในทางของตัวเอง พ่วงมาด้วยจังหวะการเล่าเรื่องที่มีความตลกผสมสายลับ ปั่นกันไปมา ซัดกันให้ตายกันไปข้างด้วยวิธีการทำธนูแบบที่เราได้เห็นแล้วว่ามันทำยังไง และฉากที่ถูกเล่าปูมาเป็นระยะ ๆ ในห้าตอนก่อนก็กลายเป็นส่วนเฉลยให้กับตอนนี้ เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่าห้าตอนก่อนเป็นการวางเรื่องให้เรารู้จักตัวละครก็คงจะใช้ เราได้เห็นความหมายของการเสียสละ การเป็นฮีโร่ที่ต้อง ตัดสินใจอย่างยากลำบากเพื่อปกป้องผู้คน ปมความรู้สึกในใจที่ไปด้วยกันไม่ได้กับการกระทำ หรือแม้แต่ความหมายของคำว่าครอบครัว ด้วยการแสดงของนักแสดงนำทั้งหมดที่พากันปล่อยของเรียกน้ำตา เรียกความตื่นเต้นตั้งแต่ต้นเรื่อง ส่วนตัวละครสมทบก็เข้ามาขโมยซีนสนับสนุนแบบฮา ๆ และคาดไม่ถึง

 

รีวิวซีรีส์ Hawkeye

 

ตอนนี้ได้ทำการขมวดทุกปมให้จบในองค์เดียว ไม่ว่าจะปมเรื่องฮอว์กอาย และการไว้อาลัยระลึกถึงแบล็ควิโดว์ของเยเลน่า ปมครอบครัวของเคทที่มีมากกว่าที่เห็น ปมของมายาที่เธอหาทางสะสางกับคนใกล้ตัวอย่างคิงพินและคาซี่ คนรักของเธอ ทุกอย่างล้วนไหลลื่นกว่าตอนก่อน ๆ มาก ทำให้ตลอดทั้งตอนเรา ได้เห็นพัฒนาการความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดและไม่มีอะไรค้างคา และสำหรับคนที่กังวลว่า ตอนนี้จะสปอยเหตุการณ์อะไรใน สไปเดอร์-แมน: โนเวย์โฮมหรือไม่ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะไม่มีครับ จบในตัวได้อย่างอบอุ่นสมกับการเป็นซีรีส์ต้อนรับวันคริสต์มาส มีดนตรี มีหิมะ และเซอร์ไพรส์สุด ๆ คือเอนเครดิตที่เป็นของขวัญให้กับแฟนมาร์เวลที่ติดตามซีรีส์มาตลอด ไม่ขอบอกว่าคืออะไร แต่มันช่วยทำให้ซีรีส์นี้อาจจะไม่ได้สนุกในด้านบู๊แหลก แต่มันก็เป็นซีรีส์ที่มีหัวใจ ไว้อาลัย ปล่อยวางและให้อภัย เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว แม้มันอาจจะมีความรุนแรงบ้าง แต่ถ้าใครได้ติดตาม คุณจะต้องหลงรักเหล่าตัวละครในเรื่องนี้

 

 

เจเรมี เรนเนอร์กับเฮลี สไตน์เฟลด์ เคมีเข้าคู่กันดีมากทั้งตลกและอบอุ่น ฉากแอ็กชันอลังการตื่นตาตื่นใจและสเปเชียลเอฟเฟกต์ก็ทำได้ดี ซีรีส์เดินเรื่องด้วยโทนหนังครอบครัว สนุกสนานไปด้วยแอ็กชัน การปรากฎตัวของฟลอเรนซ์ พิวจ์ ทำให้เรื่องราวเข้มข้นมากขึ้นและมีอะไรให้ว้าวบ้าง แต่ก็ยังนำเสนอตัวละครมายา โลเปซหรือเอคโค่ได้ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ มีตัวละครแวดล้อมที่มาจากคอมิกเยอะแต่กลับไม่ให้ความสำคัญหรือต่อยอดให้กลายเป็นตัวละครฮีโร่หรือวายร้ายที่ดูสมศักดิ์ศรีหน่อย

ถ้าคุณชอบความถึงใจ หรือการรีวิวอนิเมะ หนัง ซี่รี่ส์ หรือสปอย วิเคราะห์ข่าวสาร ทุกเรื่อง ทุกแนว ทั่วโลก ติดตามได้ที่ เว็บรีวิวหนัง