รีวิว DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย
กราบสวัสดีท่านผู้ชมที่รักทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่ เว็บรีวิวหนัง วันนี้เราจะมารีวิวหนังเรื่อง Deep โปรเจกต์ลับ หลับ เป็น ตาย เป็นหนังไทยเรื่องใหม่ที่พึ่งเข้าฉายใน Netflix เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และเป็นหนังที่ใครหลาย ๆ คนรอคอย เพราะพล็อตเรื่องของหนังเรื่องนี้น่าติดตามมากเลยทีเดียว และไม่ได้มีแค่พล็อตเรื่องที่น่าติดตามแค่นั้น ยังมีนักแสดงนำ 4 คนที่น่าติดตามเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เค เลิศสิทธิชัย (รับบทเป็น วิน), กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ (รับบทเป็น พีช), เฟิร์น-ศุภนารี สุทธิวิจิตรวงษ์ (รับบทเป็น ซิน), แคร์-ปาณิสรา ริกุลสุรกาน (รับบทเป็น เจน) แค่เห็นชื่อนักแสดงก็คิดแล้วว่าต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ สำหรับหนังเรื่องนี้ เว็บดูหนังฟรี
มาดูเรื่องย่อขอเรื่องนี้คล่าวๆก่อนตัดสินใจไปดูดีกว่าครับ ว่าเป็นหนังที่เกี่ยวกับอะไร เรื่องย่อหนัง นักศึกษาแพทย์ที่มีอาการนอนไม่หลับ 4 คน หลงกลไปเข้าร่วมการทดลองทางประสาทวิทยาศาสตร์ที่กลายเป็นฝันร้าย และทุกคนต้องหาทางหนีเอาตัวรอดก่อนจะสายเกินไปอย่ารอช้าเข้าไปดูเลยที่ เว็บดูหนัง
เรียกว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งที่น่ายินดีของนักเรียนที่ต้องการมีผลงานภาพยนตร์ เมื่อทางค่าย Netflix ตัดสินใจเปิดโอกาสให้ผลงานภาพยนตร์ของนักศึกษา ‘DEEP โปรเจ็กต์ลับ หลับเป็นตาย’ ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และบริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด ในการร่วมพัฒนาโปรเจกต์ จนได้ออกฉายทาง Netflix ถือว่าเป็นงานนักศึกษาชิ้นแรกของไทยที่ได้ไปอยู่ในแพลตฟอร์มระดับโลกเลยก็ว่าได้
หลังจากที่ดูจากเนื้อเรื่องย่อ คิดว่าเรื่องนี้มีพล็อตเรื่องค่อนข้างน่าสนใจเลยค่ะเป็นหนังแนวทริลเลอร์ มุ่งเน้นประเด็นในเรื่องของการอดนอน และผลกระทบที่เกิดจากการอดนอน ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่มักจะนอนน้อยหรือว่านอนไม่เพียงต่อวัน อาจจะมีสาเหตุมาจากการการทำงาน การเรียน หรือเหตุจำเป็น เป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับยุคนี้ จึงทำให้หนังเรื่องนี้ดูน่าสนใจและน่าติดตามมากขึ้นเลยทีเดียว ถ้าใครที่กำลังลังเลว่าจะดูหรือไม่ดูดี สามารถอ่านรีวิวด้านล่างได้เลย ซึ่งการรีวิวอาจจะมีสปอยบ้างเล็กน้อย
รีวิว DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย ความรู้สึกหลังดู
ความสนุก ความน่าติดตาม หนังเรื่องนี้มีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งพล็อตเรื่องไอเดียดีเลยดูแปลกใหม่ น่าสนใจ ดูได้เพลิน ๆ ห้ามคิดตามมากจนเกินไป จะทำให้หนังดูสนุกมากขึ้นค่ะ มีทั้งช่วงที่สนุกและช่วงที่น่าเบื่อ แต่โดยรวม ๆ ก็เป็นหนังที่ไม่ได้แย่จนบอกต่อไม่ได้ค่ะ จะมีฉากที่แบบพอนางเอกฉีดชิพลงไป แล้วเค้าก็บอกทีหลังว่าหลับเกิน 60 วินาที จะตาย อะไรกันยครับเนี่ย คือบอกหลังจากที่ฉีดไปแล้วงี้ งงมาก ก็ดูแบบผ่าน ๆ ไป ไม่ค่อยมีฉากอะไรให้น่าลุ้น และความน่าติดตามของเรื่องนี้ น่าจะเป็นวิธีที่ทำให้ตัวเองตื่นตัว ไม่หลับ แต่ก็เป็นวิธีที่เบสิคมากไม่ได้มีวิธีอะไรที่แปลกใหม่ สำหรับนักแสดงหน้าใหม่ก็ถือว่าถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีเลยค่ะโดยเฉพาะนักแสดงที่รับบทเป็นเจน เพราะเหมือนเป็นตัวหลักที่แบกอารมณ์ของหนังเรื่องนี้ไว้ และส่วนตอนจบก็จบแบบแฮปปี้ทุกอย่างลงตัว
ภาพ เอฟเฟกต์ ภาพมุมกล้องต่าง ๆ ทำได้ดีเลยค่ะ ส่วนเอฟเฟกต์ที่มาช่วยเสริมสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนดู ทำให้รู้สึกอึดอัด จากความหลอนที่เกิดขึ้น โทนสีของภาพก็ดูดีเข้ากับแนวหนัง โดยรวม ๆ ถือว่าภาพ เอฟเฟกต์ของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างดีลงตัวเลยอย่างประทับใจเลยครับ ส่วนดนตรีประกอบ จะมีเพลงจากวง Three man down วงฮิตติดตลาดของเมืองไทยแต่ด้วยความนี้แนวดนตรีของวงนี้ออกจะเป็นแนวรักๆหวานๆหรือเศร้าซึ่ง ประกอบเป็นช่วง ๆ ซึ่งมีทั้งฉากที่เข้ากับเพลงและฉากที่ไม่เข้ากับเพลง จึงทำให้ภาพดูไม่เข้ากับดนตรีประกอบจึงทำให้บางฉากดูแล้วไม่ค่อยอิน เรียกว่าอยากจะนำกระแสของเพลงในแนวที่วัยรุ่นชอบหรือนักศึกษาปลิ้มยัดเข้ามาใส่โดยไม่ดูองค์ประกอบของหนังนั่นแหละครับ
พล็อตของหนังเรื่องนี้น่าสนใจตรงที่หยิบเอาจุดร่วมของคนสมัยนี้ที่กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว (แต่บางทีเราก็ไม่รู้ตัว) นั่นก็คือ การอดหลับอดนอนนั่นเอง เพราะอาจจะด้วยความเคยชิน หรือเหตุผลอะไรก็ตาม ซึ่งตรงนี้นี่แหละครับที่นักศึกษาหยิบเอามาต่อยอดเป็นพล็อตหนัง โดยการตั้งคำถามว่า คนเราจะอดนอนได้สักเท่าไหร่ และถ้าอดนอนแล้วจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง
โดยโปรเจกต์นี้ ตั้งแต่ไอเดีย บทภาพยนตร์ และการถ่ายทำทุกขั้นตอน ผ่านการโค้ชอย่างใกล้ชิดจากเมนเทอร์ระดับมืออาชีพของวงการหนังไทย ทั้ง ‘วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง’ ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องบทภาพยนตร์ และ ‘อังเคิล – อดิเรก วัฏลีลา’ ที่มาชี้แนะในส่วนของการกำกับภาพยนตร์ โดยมีทีมงานรุ่นใหม่จาก ม.กรุงเทพ เป็นกำลังหลักในการเขียนบทและถ่ายทำอย่างยาวนานตลอด 3 ปีเต็ม นอกจากนี้ยังได้ 4 นักแสดงรุ่นใหม่คุ้นหน้าคุ้นตาทั้ง ‘แคร์-ปาณิสรา ริกุลสุรกาน’, ‘เค เลิศสิทธิชัย’ (Kayavine), ‘เฟิร์น-ศุภนารี สุทธวิจิตรวงษ์’, ‘กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ (กิต นักร้องนำวง Three Man Down)’ มาร่วมแสดงด้วย
และก็นำมาสู่พล็อตหลักของเรื่องที่ว่าด้วยนักศึกษาแพทย์ 4 คนที่มีไลฟ์สไตล์ต่างรูปแบบกัน (แต่อดหลับอดนอนเหมือนกัน) ต้องจับพลัดจับผลู เมื่อได้ทราบถึงโปรเจกต์การทดลองลับ ๆ ของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยต้องเข้ารับการฉีดสารบางอย่างเข้าร่างกาย เพื่อแลกกับเงินจำนวนมหาศาล โดยมีเงื่อนไขว่า ห้ามงีบหลับโดยเด็ดขาด เพราะถ้างีบหลับเมื่อไหร่ หัวใจจะหยุดเต้น และส่งผลให้ตายในทันที
แน่นอนว่า หากจะให้พูดถึงจุดเด่น ก็คงหนีไม่พ้นพล็อตอันแปลกใหม่ที่หยิบเรื่องของการอดนอนมาต่อยอดนี่แหละครับ และไม่ใช่เป็นเพราะว่าป่วยเป็นโรคนอนไม่หลับ เหมือน ‘คริสเตียน เบล’ (ผอมกะหร่อง) ใน The ‘Machinist (2004)’ หรือไม่ได้หลับเพราะหลับไม่ได้เหมือนในหนัง Netflix เรื่อง AWAKE (2021) ด้วย ใครยังไม่เคยดูเรื่องนี้ต้องตามไปเก็บเลยครับ เพราะเรื่องนี้ก็สนุกเหมือนกัน เว็บดูหนังไม่มีโฆษณา
แต่เป็นการตั้งใจเจตนาอยากจะนอนไม่หลับนี่แหละ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นแกนไอเดียที่แข็งมากเลย ซึ่งถ้ามองจากโครงเรื่องโดยรวม ๆ ก็ต้องบอกว่าตีโจทย์ได้ค่อนข้างแตกนะครับ ในการอธิบายว่าถ้าอดนอนแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งแน่นอนว่ามันคงไม่ใช่แค่ว่าง่วงหรือเบลอจนทำอะไรมั่วซ่ัวอย่างเดียวแน่ ๆ แต่มันน่าสนใจตรงที่พล็อตสามารถทำให้การอดหลับอดนอนนำไปสู่จังหวะและเหตุการณ์ระทึกขวัญได้อย่างน่าสนใจทีเดียว รวมถึงปมปัญหาของตัวละครบางตัว ที่มีผลทำให้เกิดจุดหักเหบางอย่างในหนังด้วย และรวมไปถึงงานโปรดักชัน มุมกล้อง การตัดต่อที่ทำได้ออกมาน่าสนใจในฐานะหนังนักศึกษาหน้าใหม่ และในฐานะหนัง Netflix เลยแหละ
ความคิดเห็นในส่วนของข้อดี ข้อเสีย
ถ้าจะให้พูดข้อสังเกต ก็น่าจะเป็นข้อสังเกตที่ถือว่าเป็นจุดผิดพลาด หลัก ๆ ของหนังนักศึกษาโดยปกตินั่นแหละครับ คือเรื่องของบทที่ยังค่อนข้างจะเป็นเส้นตรงไปหน่อยไม่มีการฉีกหรือพลิกแพลงอะไรมากมาย คือแม้หนังเรื่องนี้จะมีแกนแข็ง ๆ ที่เอาไปตีโจทย์ต่อยอดได้หลากหลาย ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ตีโจทย์ได้ดีในระดับหนึ่งนั่นแหละนะครับ
ด้วยความที่หนังเรื่องนี้มันถูกขับเคลื่อนด้วยการดำเนินเรื่องแบบเป็นเส้นตรง ที่แม้ว่าจะมีจุดหักเหให้พอมีเซอร์ไพรส์ แต่ด้วยวิธีการนำเสนอที่ยังมีอิทธิพล จังหวะ และกลิ่นอายจากหนังหลาย ๆ เรื่อง จนทำให้แม้ว่าไอเดียตั้งต้นจะสดใหม่ แต่วิธีการดำเนินเรื่องกลับไม่ได้สดตามไปด้วย จนทำให้นอกจากจะเดาเรื่องตามได้แล้ว ยังรู้สึกถึงอาการไถด้นพล็อตทริลเลอร์กันตั้งแต่ต้นเรื่อง กลางเรื่อง ไคลแม็กซ์ จนไปถึงบทสรุปที่เหมือนจะสุดแต่ก็ไม่สุด เหมือนจะว้าว แต่ก็ว้าวได้ไม่ได้เต็มเสียง
ด้วยความเคารพในฐานะแฟนหนังพี่วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยงนะครับ ผู้เขียนดูวิธีการสรุปเรื่อง และการขมวดปมเรื่องแล้ว โดยส่วนตัวก็แอบคิดถึงหนังของคุณพินิษนิดหน่อยอยู่ เหมือนกัน แต่ก็เข้าใจนะครับว่า เขาและพี่อังเคิลเองคงไม่ได้โน้มน้าวน้อง ๆ อะไรขนาดนั้นหรอก แค่ดูแล้วรู้สึกว่ามีกลิ่นอายติดมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนแรกก็แอบคิดว่าจะเราจะได้เห็นไอเดียการกำกับของน้องๆนักศึกษาอย่างเต็มๆซะอีก
หรือเรื่องของปมปัญหาของบางอันของบางคน ที่จริง ๆ แล้วย่อให้เล็กลงได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องลงลึกก็ได้ รวมถึงแอ็กติงและไดอะล็อกในหลาย ๆ จุดที่ยังดูขัด ๆ แปร่ง ๆ ไปตลอดทั้งเรื่อง สิ่งเหล่านี้ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้ยังดูขาด ๆ เกิน ๆ ในบางจุด ถ้ามีการเคี่ยวบทให้เป็นธรรมชาติ ปรับคาแรกเตอร์วัยรุ่นให้ดูเป็นวัยรุ่นจริง ๆ ในยุคนี้ ปรับไดอะล็อกให้ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ และปรับลดการนำเสนอที่มีกลิ่นอายและอิทธิพลจากหนังใหญ่ให้น้อยลง น่าจะทำให้หนังเรื่องนี้ไปได้สุดกว่านี้
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องชื่นชมความเป็นออริจินัลไอเดียของน้อง ๆ กลุ่มนี้นะครับ โดยเฉพาะการตีโจทย์ที่ทำได้ค่อนข้างครบถ้วนและสดใหม่ทีเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าตัวบทได้รับการอดนอนมากกว่านี้สักหน่อย น่าจะกลายเป็นหนังระทึกขวัญกลิ่นอายวิทยาศาสตร์สนุก ๆ ที่ทำให้การนอนกลายเป็นความระทึกที่จัดเต็มมากกว่านี้ครับ
และหากชอบบทความนี้ อยากติดตามการรีวิวหนัง สปอยหนัง ไม่ว่าจะเป็น หนังใหม่ หรือ หนังมาแรง ทุกเรื่อง ทุกแนว ได้ที่ เว็บรีวิวหนัง