รีวิว ผีกัดอย่ากัดตอบ

 

 

 

 

รีวิว ผีกัดอย่ากัดตอบ

 

 

ผีกัดอย่ากัดตอบ (Mr.Vampire) ออกฉายในปี 1985 หรือในชื่อภาษาจีนที่อ่านออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษว่า (เจียงซือ) ผีกระโดดหยอง ๆ (Chinese Hopping Vampire) ที่ทำให้ทั้งตลกและน่ากลัวไปกับภาพจำของศพในชุดขุนนางหรือขันทีของราชวงศ์ชิง จะว่าไปแล้วไม่รู้จะจัดให้อยู่ในโหมดแวมไพร์หรือซอมบี้ดี เพราะมีความใกล้เคียงกันมาก ซึ่งหนังซอมบี้นั้นก็เป็นหนังแนวถนัดของผู้กำกับอยู่แล้ว ยอนซังโฮบอกว่า ช่วงที่ผ่านมาเขาได้กลับไปชมซีรีส์ทางโทรทัศน์ที่เคยโด่งดังในเอเชียหลายประเทศ (รวมถึงไทย) ปลายยุค 80s อีกครั้ง และเขาพบว่า เป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์ น่าหยิบมาทำเป็นหนังอีกครั้งมาก ๆ

คืนหนึ่งหน่วย VCD ได้รับการแจ้งว่ามีผีดิบ 2 ตัวออกอาละวาด คือผีดิบชายและผีดิบหญิง ผีดิบชายไล่ฆ่าดูดเลือดคนทั่วไป ส่วนผีดิบหญิงถูกหน่วย VCD จับได้ แต่พระเอกไม่ยอมทำลายร่างผีดิบหญิง ไม่นำร่างไปเผาไฟตามคำสั่ง นำไปเก็บไว้ที่บ้านอีกทั้งยังสอนให้เธอเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบมนุษย์ด้วย ต่อมาทั้งสองมีความสนิทสนมกันและมีความรักต่อกัน แต่แล้วผีดิบชายก็ตามล่าผีดิบหญิง การตามล่านี้ทำให้ผู้คนในฮ่องกงต้องล้มตาย หน่วย VCD จึงเขามาจัดการ

ผีกัดอย่ากัดตอบเวอร์ชั่นนี้แม้เนื้อเรื่องจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ และตัวผีดิบเองก็ไม่ได้มีความน่ากลัว แถมยังปราบง่ายอีกต่างหาก อย่างไรก็ตามหนังทำให้เราคืนภาพในเวอร์ชั่นที่เราดูมาในยุค 90s ดูแล้วอมยิ้มออกมาได้เพราะมีดาราหลายคนในยุค 90s เป็นนักแสดงนำ เวอร์ชั่นนี้ผีดิบหญิงมีความน่ารัก ทำให้คนดูรู้สึกสงสารและเอาใจช่วยให้รอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ

ผู้กำกับคารวะผีกัดอย่ากัดตอบในเวอร์ชั่น 90s ได้อย่างดียิ่งเช่น การแต่งกายของผีดิบชุดขุนนางจีน ผีดิบเคลื่อนที่ด้วยการยกแขนแล้วกระโดด ใช้นักพรตเต๋าในการปราบผี ใช้กระดาษยันต์ติดหน้าผากผีเพื่อให้ผีหยุด การต่อสู้แบบกำลังภายใน เป็นต้น

 

รีวิว ผีกัดอย่ากัดตอบ-2

 

 

ต้นตำรับหนังผีจีนระดับตำนานครับ นำโดย หลินเจิ้นอิง ที่ผููกขาดบทปรมาจารย์ผีกัดหลังจากความดังของหนังเรื่องนี้ โดยเขามารับบทเป็นอาจิ่ว นักปราบผีประจำเมืองที่ได้รับการไหว้วานจากเถ้าแก่เหยิน มหาเศรษฐีคนดังให้ช่วยย้ายหลุมศพบรรพชนตามคำสั่งของซินแสที่เขารู้จักเมื่อ 20 ปีก่อน

แต่พอเปิดหลุมเท่านั้นล่ะครับอาจิ่วรู้ทันทีว่าซินแสคนนั้นแกล้งเถ้าแก่เหยินเข้าให้แล้ว เพราะวิธีการฝังที่ซินแสคนนั้นบอกให้เถ้าแก่ทำเมื่อ 20 ปีก่อนมันคือการฝังที่ผิด จนส่งผลให้ศพบรรพบุรุษของเถ้าแก่เหยินกลายเป็นผีดิบ และตรงไปทำร้ายเถ้าแก่เหยิน งานนี้อาจิ่วเลยต้องหาทางสยบมัน

แล้วหนังก็ยังมีซับพล็อตอีกครับ ไม่ว่าจะผีสาวที่มาติดพันลูกศิษย์คนหนึ่งของอาจิ่ว แต่ออกจะแปลกประหลาดหน่อยๆ ที่หนังไม่ได้เชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ให้เป็นเนื้อเดียวกัน

 

รีวิว ผีกัดอย่ากัดตอบ-3

 

รีวิว ผีกัดอย่ากัดตอบ ภาคต้นฉบับ

หนังฮ่องกงประเภทสยองขวัญ เริ่มมีการสร้างประปรายในช่วง ยุค 60s – 70s เนื้อหายังวนเวียนอยู่กับเรื่องราวที่แฟนตาซี ผีที่มีความอิโรติก หรือผีที่มีความตลก ภาพยนตร์สยองขวัญยังคงเป็นความบันเทิงเกรดซี ที่รองมาจาก ภาพยนตร์กำลังภายใน หรือภาพยนตร์ชีวิต และภาพยนตร์ตลกที่ได้รับความนิยมมากกว่า

แต่หากจะกล่าวถึงตำนานของหนังเกี่ยวกับผีกัด หรือผีดิบจีนนั้น ต้องกล่าวถึง อู๋หม่า

ซึ่งในบรรดาผลงานกำกับของอู๋หม่าในยุค 70s นั้น กลับมี Wits To Wits 1974 ที่เป็นรูปแบบหนังกังฟูผสมกับอารมณ์ขันและเรื่องราวของวิญญาณ นั่นนับเป็นที่มาในรูปแบบกังฟูในแนวตลก ของเฉินหลง รวมถึงเป็นต้นทางของหนังแนวผีกัด จากความสนิทสนมของตัวเขาเองกับตัว ผู้กำกับคิวบู๊ และหัวหน้าสตั๊นท์ แมน ชื่อ หงจินเป่า

จนกระทั่งยุค 80s หนังผีสยองขวัญเริ่มมีความชัดเจน เมื่อปี 1985 บริษัท โบโฮ ฟิล์ม ของหง จินเป่า ได้นำ ผีกัดอย่ากัดตอบ ออกฉายแล้วประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้หนังสร้างภาคต่อมาอีกหลายภาค ผีกัดอย่ากัดตอบ เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานหลายอารมณ์ ทั้ง สยองขวัญ น่ากลัว มุขตลก และฉากแอ๊คชั่นแบบภาพยนตร์กังฟูเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืนและลงตัว ในทางด้านรางวัล ได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกงมากถึง 11 รางวัล

 

 

หลินเจิ้งอิง อดีตสตั๊นแมนในแบบกังฟูเป็นผู้รับบท อาจิ่ว อาจารย์ปราบผีตัวเอกของเรื่อง ซึ่งแสดงได้อย่างโดดเด่น จนทำให้บทบาทนี้กลายเป็นเอกลักษณ์อาจารย์ผีกัดไปตราบจนผลงานการแสดงเรื่องสุดท้ายในชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 1997

ความโด่งดังในหนังรูปแบบผีกัดหรือเจียงซือ ไม่เพียงโด่งดัง แค่ในฮ่องกง ในไต้หวันเองก็สร้างหนังตระกูลผีกัดออกมาแล้วประสบความสำเร็จเช่นกัน คือเรื่อง ผีแพ้ตี๋ หรือ Hello Dracula(1986) ผลงานของผู้กำกับ Chiu Chung-Hing อดีตสตั้นแมน ที่มีผลงานกำกับหนังอยู่ในยุค 80s โดยใช้นักแสดงเด็กเป็นจุดขาย ซึ่งช่วงนั้นบุคลากรทางภาพยนตร์ของฮ่องกงก็ได้ย้ายไปทำหนังที่ไต้หวันไม่น้อย

ผีกัดอย่ากัดตอบ (Mr. Vampire/1995) นับว่าเป็นหนังตระกูลผีกัดที่ประสบความสำเร็จที่สุด จนถึงปัจจุบัน และ ถ้าพูดถึงหนังผีกัด ผู้ชมก็อดจะคิดถึงต้นตำรับอาจารย์ผีกัดอย่าง หลินเจิ้งอิง ไม่ได้

ผีกัดอย่ากัดตอบ หรือ Mr. Vampire เป็นภาพยนตร์สยองขวัญแนวตลกฮ่องกงปี 1985 ที่กำกับโดย ริกกี้ เลา ( Ricky Lau )และอำนวยการสร้างโดย หงจินเป่า ความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์เรื่องนี้นำไปสู่การสร้างแฟรนไชส์ ผีกัดอย่ากัดตอบ โดยมีการสร้างสี่ภาคต่อที่กำกับโดยริกกี้ เลา ตั้งแต่ปี 1986 ถึง 1992 และภาพยนตร์ผีดิบแนวเดียวกันที่มีผู้กำกับหลายคนออกฉายระหว่างปี 1987 ถึง 1992 จนภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับผีดิบจีนค่อยๆเสื่อมความนิยมลงไป

ผีกัดอย่ากัดตอบ ใช้ชื่อภษาจีน ตอน ออกฉายที่ไต้หวันว่า 暫時停止呼吸 ซึ่งแปลว่า “โปรดกลั้นลมหายใจ” ซึ่งหากใครเคยได้รับชม คงรู้ดีว่าทำไมเจอผีดิบจึงจำเป็นต้องกลั้นลมหายใจ

 

รีวิว ผีกัดอย่ากัดตอบ

 

ผีกักอย่ากัดตอบ เล่าเรื่องของ ลุงเก้า (หลินเจิ้งอิง ไม่ใช่เก้ากระบี่เดียวดายนะขอรับ อันนั้นห้ามเรียกลุง Master Kau (九叔)) นักพรตเหมาซาน(เต๋า)ประจำหมู่บ้านเล็กๆในชนบท ผู้ที่ได้รับความเคารพจากชาวบ้าน ให้เป็นผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ นอกจากนั้นแล้วลุงเก้า ยังเป็นปรมาจารย์กังฟูตัวฉกาจอีกด้วย โดยมีลูกศิษย์สองคนคือ อาหมั่น (ริกกี้ ฮุย) และอาโจว (เฉินเสี่ยวโหว)

ในวันหนึ่ง ลุงเก้า ได้ให้คำปรึกษาเรื่อง เกี่ยวกับการย้ายหลุมฝังศพบรรพบุรุษ (ฮวงซุ้ย) ของเศรษฐี ที่จะนำมาซึ่งโชคลาภอันมหาศาล ซึ่งเมื่อ 20 ปีก่อนเศรษฐีเคยได้รับคำแนะนำจากหมอดูคนหนึ่ง แต่ลุงเก้ารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล และคิดว่าเศรษฐีคงฝั่งศพบรรพบุรุษไว้ในสถานที่อัปมงคล ที่นอกจากจะไม่นำโชคลาภวาศนามาให้แล้ว ยังจะพาความโชคร้ายมาให้เสียอีก

และเมื่อลองเปิดขุดหลุมฝังศพออกมาดู ปรากฏว่าศพที่อยู่ในโลงยังดูเหมือนเพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่นาน สร้างความแตกตื่นแก่ทุกผู้ทุกคนที่ได้เห็น ลุงเก้า พยายามแก้ไขสถานการณ์ร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น ด้วยการนำศพมาเก็บไว้ ปิดผนึกด้วยวิชาเหมาซาน แต่ศพกลับคืนชีพไปเสียก่อนทำให้ตัวเศรษฐีต้องเป็นผู้เคราะห์ร้ายรายแรก

ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายกับเรื่องศพคืนชีพ(เจียงซือ) นายตำรวจสุดบื้อและหลานชายเศรษฐีก็ปรักปรำลุงเก้า ว่าเป็นฆาตรกรซ ขณะที่ผีร้ายเริ่มออกอาละวาด เป้าหมายของผีร้ายก็คือ ลูกสาวคนสวย (หลี่ไช่ฟง) ทายาทของท่านเศรษฐีที่อาหมัน แอชอบอยู่อาหมันตัดสินใจ เข้าช่วยเหลือปกป้องหญิงสาว จนถูกผีดิบกัดทำให้กลายเป็นผีดิบไปอีกคน ลุงเก้า ยังต้องปวดหัวกับลูกศิษย์ อีกคน อย่าง อาโจว ที่ไปหลงรักวิญญานสาวลึกลับ (พอลลีน หวังซิ่วเฟิง) อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เรื่องราววุ่นวายของั้งคนทั้งผี เป็นสิ่งที่ลุงเก้าจะต้องแก้ไข

 

 

ผีกัดอย่ากัดตอบนั้น หงจินเป่าได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวที่แม่ของเขาเล่าให้เขาฟังมาตั้งแต่เด็ก ผนวกกับเรื่องราวของศพที่ฟื้นคืนชีพ จากหนังสือ 聊斋志 (เหลียวไจจื้ออี้ แปลเป็นไทยคือ “เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ”) ผลงานของ ผูซงหลิง (蒲松龄) ผู้เขียน โปเย โปโลเย บทภาพยนตร์เขียนโดย ริกกี้ เลา และ ทีมเขียนบทอีกสามคน รวมถึงเจิ้งจื่อเหว่ย ก็มาแก้ไขบทในตอนสุดท้ายอีกรอบ นอกจากนี้หงจินเป่ายังมาอ่านและปรับเนื้อหาพร้อมอธิบายให้กันกับ ผู้กำกับอีกที แสดงให้เห็นว่า หงจินเป่าให้ความสำคัญกับภาพยนตร์นี้เพียงใด

การถ่ายทำ ผีกัดอย่ากัดตอบ กินเวลานานกว่าห้าเดือนถึงเกือบครึ่งปีที่ไต้หวัน นับว่าเป็นการถ่ายทำที่ค่อนข้างยาวนานมากสำหรับภาพยนตร์ฮ่องกเรื่องหนึ่ง

ฉากแอ็คชั่นในภาพยนตร์ได้รับการออกแบบโดยทั้งผู้กำกับและ หลิน เจิ้งอิงเองซึ่งเป็นผู้กำกับแอคชั่นเช่นกัน ผู้กำกับและนักแสดงมีเวลาไม่มากนัก ผู้กำกับและนักแสดงมี 2 กะ กะวันคือตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจนถึงเจ็ดโมงเย็น กะกลางคืนคือตั้งแต่เจ็ดโมงเย็นจนถึงเจ็ดโมงเช้าทำให้มีนักแสดงหลายคนไม่ได้นอนเป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์

อีกคนที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ ก็คือ หยวนหัว ผู้ที่แสดงเป็นผีดิบในเรื่อง เขาเป็นคนดีไซน์ การกระโดดของผีดิบ ให้มีจังหวะ และท่าทางเหมือนดั่งที่เราเห็นกันอยู่ในภาพยนตร์ การถ่ายทำผีกัดอย่ากัดตอบ เกิดขึ้นในฤดูร้อน ทำให้หยวนหัวที่ต้องเมคีอัพเป็นผีดิบเกือบทั้งวัน ทานอาหารก็ไม่ได้พูดคุยก็ไม่ได้ด้วย

 

 

สรุปแล้วก็เป็นหนังผีตลกๆ โจ๊กๆที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย

เรื่องราวความรักระหว่าง อาโจว กับ ผีสาว ในภาพยนตร์นั้น กลายเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของ ฉีเคอะที่จะหยิบเอา เรื่องราวของ เนี่ยเสี่ยวเชี่ยน มาปัดฝุ่นสร้างใหม่ จนกลายเป็น โปเยโปโลเย A Chinese Ghost Story 1 (1987) ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของ ผูซงหลิง เช่นกัน ซึ่งในบทดั้งเดิมบทผีสาว ถูกเขียนให้สูญสลายในตอนแรก แต่ในช่วงการถ่ายทำ ริกกี้ เลา ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตอนจบและทำให้เธอมีชีวิตอยู่ เพื่อที่มันจะโรแมนติกมากขึ้น

ผีกัดอย่ากัดตอบ( Mr. Vampire /1985) เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำของผู้ชมในยุค 80s หนังมีส่วนผสมความความเป็นแอ็คชั่น ความสยองขวัญ และความตลก แต่นั่นก็ถือว่าดีเป็นอรรถรสในความทรงจำที่ยากจะเลือนได้

หากย้อนวัยไปในช่วงเวลานั้น เด็กทุกคนหากต้องเดินไปในที่มืดๆ หรือน่ากลัว เด็กๆเกือบทุกคนนั้นจะต้องกลั้นหายใจเอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย เพราะว่า ผีจะได้มองไม่เห็นเรา แต่ลืมไปว่า ต่อให้กลั้นลมหายใจอย่างไรก็ตาม เราต่างหากที่ยังจะมองเห็นผีอยู่นั่นเอง ดูเป็นมุกตลกร้ายนะครับ

 

 

เรื่องนี้จัดว่าเป็นหนังผีกัดที่มีส่วนผสมพอเหมาะครับ ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ อีกสารพัดที่สร้างตามกระแสต่อจากหนังเรื่องนี้ ที่ทำออกมาแล้วมีเยอะไปบ้างน้อยไปบ้าง ไม่สมส่วนกลมกล่อม ความสนุกเลยไม่พอเหมาะเท่ากับภาคนี้ครับ

เอาเป็นว่าดูสนุกครับผม กำหนดหลักไมล์และมาตรฐานหลายๆ อย่างให้กับหนังตระกูลนี้ แต่ที่ขอชมมากๆ คือดาราครับ เนียนมาก ฮามาก หลินเจิ้นอิงก็ลื่นไปกับบทอาจารย์ผีกัดสุดๆ ยามจริงจังต้องปราบผีก็ดูมีราศีเหมาะแก่การเป็นปรมาจารย์ แต่พอยามฮานี่ก็เรียกสเียงหัวเราะได้ โดยหน้าแกก็ยังนิ่ง อยู่นั่นล่ะครับ ส่วนเฉินเสี่ยวหาวกับ ริคกี้ ฮุย นั้นก็จับคู่กันบ้าได้ไม่เลวครับ (แล้วพวกพี่เขาก็ไปโผล่ในหนังผีจีนด้วยบทประมาณนี้เยอะไปหมด) แล้วยังมี หลี่ไช่ฟง สาวนักบู๊ที่สมัยนั้นยังไม่ค่อยเน้นบู๊มาเป็นนางเอกด้วยครับ

หากชอบบทความนี้แล้วอยากให้ผมรีวิวเรื่องอะไรอีกนั้น ติดตามได้ที่ เว็บรีวิวหนัง